ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้คงเป็นย่างก้าวใหม่ของประเทศไทยภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ที่มี “เศรษฐา ทวีสิน” เป็น ผู้นำประเทศแม้คณะรัฐมนตรีที่ร่วมทีมบริหารจะขี้ริ้วขี้เหร่บ้างก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน คอยดูฝีไม้ลายมือสักระยะคงรู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน

เห็นว่าประชุม ครม.นัดแรกจะลดค่าไฟฟ้า-ค่าน้ำมันทันทีถือเป็นข่าวดีสำหรับประชาชน ถ้าเป็นไปได้ก็ตุนคะแนนไว้ได้เลย

การเปลี่ยนผ่านประเทศ “เก่าไป-ใหม่มา” นี้ก็อยากให้เกิดสิ่งดีๆสำหรับคนไทยที่ตั้งความหวังกันไว้สูง

อย่าทำให้ผิดหวังก็แล้วกัน...

ช่วงท้ายก่อนลาจากในแวดวงการเมือง ดูเหมือนจะมีอะไรที่บอกความเป็นนัยๆถึงวาระที่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา

คนการเมืองรุ่นเก่าเหมือนจะต้องจำยอมถ่ายโอนให้รุ่นใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สังเกตจากการขยับตัวออกจากจุดเดิม

ไล่เลียงกันมา...

“ชลน่าน ศรีแก้ว” ลาออกจากหัวหน้าพรรค “เพื่อไทย”

“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ลาออกจาก สส.เหลือแค่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ลาออก จาก สส.บอกไม่ยุ่งการเมืองแล้ว ขอเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” โบกมือลาไปสู่ความเป็นบุคคลธรรมดา พร้อมๆกับ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา”

พูดง่ายๆว่า “3 ป.” ปิดฉากการเมือง ไปตามวิถีทาง เหลือแต่อดีตแห่งความทรงจำที่ครองอำนาจอย่างยาวนาน 9 ปี

หวังว่าจากนี้ไปทางการเมืองคงไม่มีทางลัดอีกแล้ว

แต่ยังมีนักการเมืองรุ่นใหญ่รุ่นลายครามที่ยังไม่คิดจะปล่อยวางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่

วัยปูนนี้แล้วถ้ายัง “หลงติด” คิดไม่ตกคงมีแต่ทุกข์หาความสุขที่แท้จริงได้ยาก

...

ย้อนหลังกลับไปส่องเรื่องราวความเป็นไปของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ก่อเกิดใหม่และอนาคตต่อไปข้างหน้า

“ทักษิณ” ที่กลับบ้านและอยู่ในช่วงปรับสภาพกับวิถีชีวิตใหม่ที่ยุ่งยากไม่ใช่น้อย เพราะเคยอยู่อย่างอิสระ

แต่ต้องมาอยู่ภายใต้ข้อจำกัด

ถือเสียว่าเป็นวิบากกรรมจำแลงก็แล้วกัน

ที่สำคัญก็คือ ต้องปล่อยวางให้ได้เมื่อบอกว่าต้องการมีความสุขอยู่กับลูกหลานก็ต้องให้ได้จริงๆ เพราะนั่นคือหนทางสว่างไสวที่สุด

หากยังสั่งการ “หลังฉาก” จนเกินขอบเขตเหมือนที่ผ่านมา ชีวิตจากวัย 74 ปี จากนี้ไปก็คงหาความสุขแท้จริงไม่ได้

แน่นอนว่าทุกพรรคการเมืองและรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ล้วนตีตราผ่านช่องทางพิเศษกันแทบทุกคน

มิฉะนั้นคงไปไม่ถึงฝั่ง!

ขนาดที่เคยแค้นเคืองแบบ “มันจบแล้วครับนาย” ยังต้องบินตรงไปคารวะเพื่อปฏิบัติการร้องขอโควตากระทรวงให้พรรค

นั่นหมายความว่าถนนทุกสายไปสู่จุดหมายเดียวกัน

พูดง่ายๆว่ามีบุญมีคุณกันไปยากที่จะลืมเลือน

ในทางกลับกันบนถนนสายเดียว กันนี้หากเล่นผิดบท คิดเพียงแค่ตัวตนละเลยชาติบ้านเมืองมันก็จะถึงบทสุดท้าย

คือฉิบหายกันถ้วนหน้า!

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม