"ไอซ์" รักชนก ศรีนอก หวด "หมอไห่" แรงจัด จน "ปดิพัทธ์" ต้องตักเตือน อัดบินนอก 120 วัน จี้ ตอบข่าวลือบินไปคลินิกส่วนตัว ที่สหรัฐฯ ซัด อย่าทำเก้าอี้ "ประธาน กสทช." เหมือนงานพาร์ตไทม์ ด้าน ปธ.กสทช.ลุก ตอบโต้ทุกเม็ด
วันที่ 31 ส.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารับทราบรายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2565 และรายงานการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. สำนักงาน กสทช. และ เลขาธิการ กสทช. ประจำปี 2565 ที่ประชุมเปิดให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง อาทิ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า บอร์ด กสทช. เป็นเหมือนองค์กรอิสระอื่นๆ ที่ สว.คัดเลือกบอร์ดบริหาร ตนทราบมาว่า นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ซึ่งเป็นหมอโรคหัวใจของผู้มากบารมีทางการเมืองหลายท่าน ดำรงตำแหน่งประธาน กสทช. ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ตนได้ติดตามการทำงานของท่าน อาทิ เรื่องอำนาจการยับยั้งการควบรวม ทรู-ดีแทค ตนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าท่านไม่เข้าใจ "job description" ตัวเอง หรือกำลังรักษาผลประโยชน์ให้ใครกันแน่ ถ้าไม่ใช่องค์กรท่านแล้ว จะมีองค์กรไหนในประเทศอีกที่มีอำนาจในการยับยั้งการควบรวมครั้งนี้ งานที่เป็นอำนาจหน้าที่ท่านก็ละเว้น แต่งานที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ อย่างการอนุมัติเงินบอลโลก 600 ล้านบาท กลับใช้อำนาจที่คาบเส้นตัดสินใจ นี่นะผลงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของประธาน กสทช.
...
น.ส.รักชนก อภิปรายว่า อีกประเด็น คือ กรณีประธาน กสทช. หลังจากรับตำแหน่ง 1 ปี 4 เดือน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว 120 กว่าวัน คิดเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ ของเวลางานทั้งหมด ถ้าไปทำงานจริงๆ ตนไม่มีข้อสงสัยอะไร แต่ช่างบังเอิญเสียเหลือเกินที่การไปดูงานส่วนใหญ่ของท่านปลายทาง คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีข่าวลือตนไม่ทราบว่า จริงหรือไม่จริง ขอความชัดเจนด้วยว่า เป็นประเทศที่ นพ.สรณ มีคลินิกส่วนตัวอยู่ที่นั่นจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง ประชาชนก็ตั้งคำถามว่า ท่านใช้งบฯ ในการบินนี้ไปเพื่อเอื้อกับกิจการส่วนตัวของท่านหรือไม่ การเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ทำให้กิจการวาระการประชุมต่างๆ ที่สำคัญใน กสทช. ถูกเลื่อนไป เรื่องสำคัญรอตัดสินใจกองอยู่เป็นกองพะเนิน คนในองค์กรที่ตั้งใจทำงาน เขาอึดอัด
ต่อมา น.ส.รักชนก ยังอภิปรายต่อด้วยถ้อยคำที่ดุเดือด จนถูกนายปดิพัทธ์ ประธานในที่ประชุมเบรกอารมณ์ ตักเตือนให้ระวัง อย่าทำผิดข้อบังคับเรื่องการใช้ถ้อยคำเสียดสี ใส่ร้าย เนื่องจาก น.ส.รักชนก อภิปรายว่า "ถ้างานคลินิกในต่างประเทศของท่านไม่สามารถละวางได้ หรือสำคัญกว่างานใน กสทช. อย่าทำราวกับว่าตำแหน่งประธานกสทช.เป็นเพียงงานพาร์ตไทม์ เราจะได้หาคนที่พร้อมเหมาะสมมาทำงานตรงนี้"
ทางด้าน น.ส.รักชนก ระบุว่า หากประธานสภาฯ อยากให้ถอนคำไหน ตนพร้อมถอน จากนั้น น.ส.รักชนก อภิปรายต่อว่า ดูประธาน กสทช.ภูมิใจมาก ที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิก สภาบริหารสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Council) ช่วยอธิบายความคุ้มค่าการเป็นสมาชิกด้วยได้หรือไม่ ใช้งบหาเสียงไปท่าไร ค่าเดินทางของคณะ ค่าจัดเลี้ยงผู้บริหาร เลขาฯ กสทช. ค่ากิน ค่าใช้ ขอให้ชี้แจงให้ชัดเจน คงไม่ใช่ว่า เป็นสมาชิกรอบนี้เพื่อให้ท่านเบิกงบบินไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตนยังเห็นภาพในงาน มีการตัดสูทสีเหลืองแจกคนทั้งคณะ 10 กว่าคน จึงอยากทราบว่า มีข้อกำหนดหรือไม่ ว่า ต้องใส่สูทสีเดียวกัน ตัดสูทกับแบรนด์ไหน ราคาเท่าไร ใช้งบจากส่วนไหน ตนอยากเห็นใบเสนอราคา เพราะว่าไม่สามารถหาได้จากรายงานฉบับนี้
น.ส.รักชนก อภิปรายอีกว่า ข้อสุดท้าย ในเล่มรายงานนี้หน้า 276 ยุทธศาสตร์ที่ 4 ข้อที่ 8 โครงการการร่วมมือผลิตข่าวในพระราชสำนักและการถ่ายทอดสดงานพระราชพิธี และรัฐพิธี ท่านใช้งบตรงนี้ ใส่เอาไว้ในปี 2566 เอาไว้ 15 ล้านบาท ตนขอตั้งคำถามว่ามันไม่ได้ทับซ้อน ซ้ำซ้อน กับสิ่งที่ช่องปกติเขารายงานกันอยู่แล้วหรือ มีความจำเป็นอะไรต้องตั้งงบเผื่อเอาไว้อีก 15 ล้านบาท ตนอยากพิจารณาเพราะเป็นงบฯ ในปี 2566 ถ้าท่านตัดได้ก็อยากให้ตัด เพราะมันซ้ำซ้อนกับสิ่งที่ช่องปกติ ได้รายงานอยู่แล้ว
น.ส.รักชนก อภิปรายว่า กสทช. เป็นองค์กรที่มีผลประโยชน์เฉียดล้านล้านบาท มีอำนาจในการให้คุณให้โทษสูงมาก แต่คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญกลับเป็นคนที่ไม่ได้มีความสามารถเชี่ยวชาญตรงสาย แถมความรับผิดชอบในการทำงานก็น่าตั้งคำถาม กสทช. เป็นองค์กรที่เป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง ท่านอย่าทำให้มันกลายเป็นว่า องค์กรนี้ เป็นอิสระจากการมีส่วนร่วมของประชาชน อย่าให้การทำงานของท่านต้องถูกตั้งคำถามว่า ถูกครอบงำโดยผู้มากบารมีทางการเมืองบางคน ผ่านบอร์ด กสทช. หรือไม่ ทุกคนที่อยู่ในองค์กรนี้ ที่เขาอยากพัฒนาด้วยใจจริงเขารอคนตั้งใจจริง ๆ มีความสามารถจริงๆ มานำองค์กรของเขาอยู่
ทางด้านประธาน กสทช. ลุกขึ้นชี้แจง หลังถูกพาดพิงเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตนเองว่า ถ้าไม่นับรวม การอบรมที่สหรัฐอเมริกาในวิชาชีพตน ตั้งแต่ปี 1984-1993 ตนไม่เคยประกอบวิชาชีพเวชกรรมนอกประเทศไทย ตนไม่เคยมีคลินิกส่วนตัว ทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ สิ่งที่ปรากฏในสื่ออาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด โดยที่มีแพทย์ไทยอาวุโส ที่มีชื่อคล้ายกันที่มีคลินิกส่วนตัว และประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสหรัฐอเมริกา และมีคนไทยไปรับการรักษามา อีกประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการพิจารณาการควบรวมทรู-ดีแทค เป็นมติ กสทช. ไม่ใช่คำสั่งประธาน กสทช. และเรื่องการสรรหาเลขาฯ ตนชี้แจงแล้วว่าปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติตามมาตรา 61 แห่งพ.ร.บ.คลื่นความถี่ฯ ส่วนในกรณีเรื่องไอทียู เป็นนโยบายรัฐบาล ที่เราจะเป็นสมาชิก ITU Council