“แพทองธาร” เข้าเยี่ยมพ่อ “ทักษิณ ชินวัตร” วันที่ 2 ก่อนแถลงตามนัดที่พรรคเพื่อไทยขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงคุณพ่อ เผยอาการอดีตนายกรัฐมนตรียังเครียดและอ่อนเพลีย รับเป็นห่วงเรื่องของหัวใจมากกว่าเรื่องปอดเพราะเคยเป็นโควิดและต้องอยู่ไอซียูถึง 1 เดือน ส่วนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษไม่รู้รายละเอียด อ้างพ่อทำเพียงคนเดียว ด้านรองปลัด ยธ.ระบุ “ทักษิณและครอบครัว” ยังไม่ได้ยื่นเอกสารขออภัยโทษ ชี้ต้องพรรณนาเหตุขอทูลเกล้าฯให้ละเอียด หากผลปรากฏยกฎีกา ต้องรออีก 2 ปี

กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศมารับโทษเมื่อวันที่ 22 ส.ค. แต่ในคืนเดียวกันนั้นเกิดป่วยกะทันหัน เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต้องเร่งนำตัวเข้ารักษาอาการที่ รพ.ตร. โดยกรมราชทัณฑ์เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันแรกหลังครบวันกักโรคเมื่อวันที่ 28 ส.ค.มีลูกชายลูกสาว 3 ครอบครัวและทนายความรวม 10 คน เข้าเยี่ยม โดย อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขอเลื่อนการแถลงอาการป่วยของนายทักษิณเป็นวันที่ 29 ส.ค.ที่พรรคเพื่อไทย ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

วันที่ 29 ส.ค.ที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตำรวจ เป็นวันที่ 2 ที่กรมราชทัณฑ์เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี ผู้ต้องขังที่ถูกย้ายจากห้องพยาบาลแดน 7 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้ามารักษาตัวชั่วคราวที่ห้อง 1401 ชั้น 14 โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลูกสาวนายทักษิณ และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความเดินทางมาเยี่ยม จนกระทั่งเวลา 12.45 น. น.ส.แพทองธารเดินทางกลับไปยังพรรคเพื่อไทยเพื่อแถลงถึงอาการป่วยนายทักษิณอย่างเป็นทางการตามที่นัดหมายสื่อทุกสำนักไว้

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธารเผยถึงการเข้าเยี่ยมนายทักษิณในวันที่ 28-29 ส.ค.ว่า ตอนนี้คุณพ่ออ่อนเพลีย เห็นได้ตั้งแต่วันที่มาถึงเมืองไทยไม่ได้สดชื่นเหมือนเดิมส่วนตัวเข้าใจเพราะเป็น 17 ปี ที่ไม่ได้อยู่เมืองไทย โดยวันที่ 22 ส.ค. วันที่กลับมาถึงครอบครัวเห็นว่าท่านเครียดและคืนวันเดียวกันครอบครัวก็ทราบพร้อมสื่อว่าคุณพ่อถูกส่งไปที่โรงพยาบาลตำรวจและวันนี้ที่ไปเจอเห็นว่าท่านมีอาการอ่อนเพลีย

...

น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า ปี 2020 คุณพ่อเป็นโควิดตั้งแต่รุ่นอู่ฮั่นอาการหนักมากเข้าห้องไอซียู 9 วัน รวมเวลาอยู่โรงพยาบาล 1 เดือน ออกมาน้ำหนักหายไป 10 กิโลกรัม ตอนนี้ยังมีจุดอยู่ที่ปอด คุณพ่อพยายามออกกำลังกายให้ฟื้นตัวถือว่ากลับมาได้เยอะ แต่สำหรับคนอายุ 74 ปี บวกกับความเครียดแต่โดยรวมคุณพ่อดีใจที่ได้เจอตนแต่ยังเครียดและเหนื่อย ส่วนตัวมองว่าท่านมีความเปลี่ยนแปลง ตอนที่อยู่เมืองนอกไปไหนได้ไม่ต้องเป็นคนอายุ 74 ปี แต่ใครก็ตามหากต้องเปลี่ยนที่อยู่ ต่อให้ไม่ใช่ราชทัณฑ์หรือโรงพยาบาล การเปลี่ยนแปลงทำให้มีความรู้สึกขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงคุณพ่อ

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องย้ายออกมารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มี ที่โรงพยาบาลตำรวจมีคุณหมอเก่งๆเยอะมากไม่ได้ขอย้ายไปที่โรงพยาบาลเอกชน ส่วนจะรักษาตัวนานเท่าใดสอบถามแพทย์ยังไม่มีความชัดเจนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมไม่เชื่อว่านายทักษิณป่วยจริง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือไม่เสียใจแต่เป็นห่วงคุณพ่อรวมถึงคนที่เป็นห่วงท่าน ทั้งนี้สภาพห้องพักเป็นห้องปกติอยู่ฝั่งที่มองเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนตัวเป็นห่วงเรื่องหัวใจ ส่วนเรื่องปอดเป็นเรื่องเดิมที่เป็นอยู่ หากเป็นอะไรจะไม่รวดเร็วเท่าเรื่องหัวใจ เป็นห่วงเรื่องหัวใจมากที่สุด แต่รายละเอียดอยากให้ถามทางแพทย์

สำหรับเรื่องการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องนี้ให้เป็นดุลพินิจ คุณพ่อจะจัดทำเมื่อไหร่ให้คุณพ่อเป็นคนจัดการและไม่มีอะไรติดขัด แต่เรื่องการร่างขอพระราชทานอภัยโทษเป็นเรื่องของคุณพ่อที่จะเลือกเวลาและทำรายละเอียดตามกระบวนการ คุณพ่อทำคนเดียวไม่ทราบรายละเอียด

วันเดียวกัน นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขั้นตอนการเยี่ยมหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนปกติที่ญาติหรือครอบครัวตามที่มีการระบุไว้ 10 รายชื่อ จะทยอยเข้าเยี่ยมตามลำดับการจอง เป็นสิทธิ์ของญาติผู้ต้องขัง ถ้าหากบุคคลใดประสงค์จะเข้าเยี่ยมเพิ่มเติมอีกครั้งต้องลงทะเบียนจองล่วงหน้ากับเรือนจำ/กรมราชทัณฑ์ ระบุวันที่และลงเวลาสำหรับการเข้าเยี่ยมครั้งถัดไป อีกทั้งนายทักษิณยังอยู่ใต้ระเบียบการควบคุมตัวของกรมราชทัณฑ์ จะยึดตามเวลาการเปิดทำการของโรงพยาบาลตำรวจและสอดคล้องกับระเบียบของกรมราชทัณฑ์มากที่สุดคือตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. อยู่ภายใต้การกำกับรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์โดยตรง ห้ามผู้ได้รับการอนุญาตเข้าเยี่ยมนำเครื่องมือสื่อสารหรืออุปกรณ์โทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องผู้ป่วยเด็ดขาดป้องกันการบันทึกภาพและเสียง และต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด

นายสหการณ์ยังระบุถึงเรื่องการยื่นขอพระราช ทานอภัยโทษของนายทักษิณและครอบครัวว่า ยังไม่ได้รับรายงานการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าประสงค์จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษครอบครัวโดยสายเลือดหรือผู้ต้องขังเองจะติดต่อยังเรือนจำฯ เอกสารที่จะต้องใช้ประกอบการยื่นฎีกา ยกตัวอย่างเช่น เอกสารคำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับรายคดีของเจ้าตัว เอกสารรายงานคุณงามความดี ข้อมูลประวัติการรักษาอาการเจ็บป่วย หลักฐานอื่นๆส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังที่ประสงค์ยื่นขอทูลเกล้าฯถวายฎีกาจะต้องกรอกข้อมูลตามแบบคำร้องบังคับของเรือนจำฯ อีกทั้งจะต้องเขียนพรรณนาถึงสาเหตุการทูลเกล้าฯถวายฎีกาในครั้งนี้ให้ครบถ้วน หากรายใดดำเนินการเรื่องเอกสารเสร็จสิ้นก่อนก็ยื่นให้กับเจ้าพนักงานเรือนจำได้ทันที เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ไม่ได้กำหนดถึงการยื่นฎีกาว่าจะต้องรวบรวมรายละเอียด/เอกสารของผู้ต้องขังเป็นกลุ่ม แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องดำเนินการต่อเนื่องตามขั้นตอนปกติ ส่วนเรื่องผลฎีกาภายหลังมีการยื่นทูลเกล้าฯจะเป็นในส่วนของพระราชอำนาจที่จะมีพระบรมราชวินิจฉัยแจ้งมายังเรือนจำ/ราชทัณฑ์ ถ้าผลปรากฏว่ายกฎีกา ตามขั้นตอนกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องรออีก 2 ปี เพื่อยื่นขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาใหม่อีกครั้ง

วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายก รัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม เผยถึงการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณว่า สามารถทำได้ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ส่วนตัวไม่รู้ว่าดำเนินการส่งมาที่กระทรวงยุติธรรมแล้วหรือยัง ปกติแล้วเรื่องจะส่งมาที่ตนแต่ตอนนี้ยังไม่เห็น ขณะที่นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสต่อต้านการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณว่า ไม่อยากออกความคิดเห็น เพียงแต่ถ้าถือตามนโยบายที่เคยเป็นนายกฯ ไม่สามารถทำให้ทุกคนรวยเหมือนกันหมด แต่ทำให้ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียมกันได้ บ้านเมืองจึงจะเป็นประชาธิปไตย และมีความเป็นธรรมในสังคม ส่วนเรื่องการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่มีความคิดเห็น