“แพทองธาร” อัปเดตอาการ “ทักษิณ” ยังอ่อนเพลีย รับเป็นห่วงเรื่องหัวใจ เสี่ยงอาการทรุด ยันไม่เคยขอย้ายไป รพ.เอกชน ไม่เสียใจ สังคมไม่เชื่อ พ่อป่วยจริง แจงอยู่ห้องธรรมดา ไม่ VIP ชี้ไม่เป็นคนในครอบครัว คงไม่รู้ ส่วนแอร์เสีย ซ่อมเสร็จแล้ว โยนพ่อตัดสินใจเองเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ
วันที่ 29 ส.ค. 2566 ที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ไม่พบความผิดปกติว่าจะมีรถของญาติ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด
แต่ปรากฏว่าเวลาประมาณ 12.30 น. รถตู้ยี่ห้อ Mercedes Benz สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน วข 9999 ซึ่งเป็นรถที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อิ๊งค์ บุตรสาวของนายทักษิณ และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ใช้เดินทางกลับหลังจากเยี่ยม นายทักษิณ เมื่อวานนี้ ได้ขับเข้ามาในพื้นที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยมุ่งหน้าขึ้นไปบนอาคารที่ นายทักษิณ พักรักษาตัว
สื่อมวลชนที่เฝ้าทำข่าวจึงรีบติดตามขบวนรถดังกล่าวขึ้นไป ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวขึ้นมารับ น.ส.แพทองธาร กลับ จึงทำให้ทราบในเวลาต่อมาว่า น.ส.แพทองธาร พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมาเยี่ยม นายทักษิณ เป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลตอนกี่โมง แต่คาดว่าน่าจะใช้เส้นทางชั้นใต้ดิน เพื่อหลบเลี่ยงสื่อมวลชน
...
โดยทันทีที่ น.ส.แพทองธาร เดินออกมาจากประตู พร้อมกับ นายวิญญัติ ทนายความ น.ส.แพทองธาร ได้ยกมือกล่าวทักทายสื่อมวลชน พร้อมเปิดเผยต่อสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า เตรียมจะเดินทางไปแถลงที่พรรคเพื่อไทย ก่อนรีบเดินขึ้นรถไป ส่วน ทนายวิญญัติ ก็ไม่ได้กล่าวอะไรกับสื่อมวลชนเช่นกัน
ทั้งนี้ ทีมข่าวสังเกตเห็นว่า วันนี้ น.ส.แพทองธาร แต่งกายด้วยเสื้อสีดำ กระโปรงสีขาวดำ และมีสีหน้าที่สดใส
ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เปิดเผยข้อมูลทางโทรศัพท์ว่า วันนี้ตนเองไม่ได้เข้าเยี่ยม แต่ตนเองเดินทางมาพร้อม น.ส.แพทองธาร ซึ่ง น.ส.แพทองธาร เข้าเยี่ยมตามลำพัง จึงยังไม่ทราบอาการล่าสุด แต่เมื่อวานได้เข้าเยี่ยม ได้เจอ นายทักษิณ แต่ก็ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอาการและสภาพของ นายทักษิณ ได้ เนื่องจากจะเป็นการละเมิดสิทธิคนไข้ อีกทั้งตัวเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องนี้
ส่วนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ นายวิญญัติ ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมจัดเตรียมเอกสารต่างๆ จึงยังไม่สามารถระบุเวลาได้ว่า จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้เมื่อใด
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ได้มาแถลงข่าวถึงอาการของ นายทักษิณ หลังจากเข้าไปเยี่ยมที่ รพ.ตำรวจ ว่า ยังคงมีอาการอ่อนเพลียตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงประเทศไทยจะเห็นได้ชัด ซึ่งตนเข้าใจ เพราะ 17 ปี ไม่ได้อยู่ประเทศไทย คงมีอาการเครียดพอสมควร และในคืนนั้นได้ส่งตัวมายัง รพ.ตำรวจ มีอาการเครียดและอ่อนเพลีย ที่ไปเจอมาล่าสุดก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ส่วนที่ทนายความบอกว่าอาการน่าเป็นห่วงนั้น เมื่อปี 2563 ติดโควิดรุ่นแรกอู่ฮั่น ซึ่งมีอาการรุนแรง ครั้งนั้นเข้า ICU รักษาตัวไป 9 วัน พักรักษาตัวที่ รพ.ไป 1 เดือน ปอดจึงมีปัญหา แม้พยายามออกกำลังให้ร่างกายฟื้น แต่คนอายุ 74 บวกกับอาการเครียด เลยทำให้อาการน่าเป็นห่วง แต่พ่อก็ดีใจที่ได้เจอลูก แต่ยังมีความเครียดและเหนื่อย ซึ่งร่างกายยังสู้ และกำลังใจยังดี
“พ่อมีความเปลี่ยนแปลงเยอะ อยู่เมืองนอกได้เดินทางไปที่โน่นที่นี่ พอถูกเปลี่ยนที่ ถูกจำกัดพื้นที่ ไม่ใช่ราชทัณฑ์ หรือ รพ. การเปลี่ยนแปลงมันทำให้เกิดความรู้สึกกับทุกคน พ่อก็เช่นกัน ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ทีมแพทย์ที่ดูแลก็รักษาอย่างดี ติดตามอาการและประวัติตั้งแต่อยู่ต่างประเทศ ครอบครัวให้หมอไปหมดแล้ว”
ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ให้เป็นดุลพินิจของพ่อ จะยื่นขออย่างไร เมื่อไร ก็ทำด้วยตัวเองได้เลย ยืนยันว่า ไม่มีติดขัดในเรื่องนี้ แต่เวลาในการร่างจดหมาย เป็นของพ่อ ต้องเลือกเวลาและจัดการด้วยตัวเองทั้งหมด “พ่อทำคนเดียว อิ๊งค์ก็ไม่ได้เห็นจดหมายขอพระราชทานอภัยโทษ”
ส่วนอาการของ นายทักษิณ จำเป็นต้องย้ายออกมารักษาที่ รพ.เอกชน ตามที่เป็นข่าวหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ย้ำว่าไม่มี รพ.ตำรวจ ยังรักษาได้ดี และไม่ได้มีการร้องขอหรือย้ายไป รพ.เอกชน ส่วนจะอยู่ รพ.ตำรวจ อีกนานหรือไม่ ยังไม่ทราบ เพราะยังมีหลายปัจจัย หากมีอะไรฉุกเฉิน ทีมแพทย์จำเป็นต้องทำการรักษาอย่างรวดเร็ว
เมื่อถามว่า มีความเสียใจหรือไม่ ที่สังคมไม่เชื่อว่าป่วยจริง และได้รับอภิสิทธิ์กว่าคนอื่น น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ไม่ได้เสียใจ แต่เป็นห่วงพ่อมากกว่า รวมถึงเป็นห่วงคนที่เป็นห่วงท่านด้วย ดีใจได้ไปเยี่ยมเมื่อวานกับวันนี้ พ่อมีอาการเหนื่อยเพลียบ้าง แต่ยังคุยได้ปกติ ส่วนกรณีห้องพักที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ก็ไม่ได้อยู่ฝั่งวิวสวยงามเห็นสนามม้าตามที่เป็นข่าว แต่เป็นห้องที่ติดกับตึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ห้องพักเป็นปกติ ไม่ได้ VIP ส่วนเรื่องแอร์เสียก็ซ่อมแล้วเรียบร้อย
“ส่วนตัวเป็นห่วง “หัวใจ” ของพ่อ หากมีอะไรฉุกเฉินขึ้นมาก็มีความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม อาการของพ่อ อยากให้ทางแพทย์ชี้แจงดีกว่า เพราะแพทย์มีความรู้ความเข้าใจกว่าตนเอง”
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนต้องขออภัยสื่อมวลชนที่ไปดักรอติดตามข่าวที่ รพ.ตำรวจ และไม่สามารถให้สัมภาษณ์ที่นั่นได้ เพราะเกรงว่าจะกระทบกับผู้ป่วย และญาติ ส่วนเข้ามาพรรคเพื่อไทยวันนี้ เพื่อมาประชุมผลักดันนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ร่วมกับทางรัฐบาลใหม่ ต้องอัปเดตเรื่องนี้.