ในขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ “โผ” การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลเศรษฐา 1 ยังไม่นิ่งสนิทเท่าไรนักอาจมีการปรับเปลี่ยนของบางพรรคบ้างในนาทีสุดท้าย
ดูจากรายชื่อที่เป็นข่าวหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ หรือที่สมัยหนึ่งเราเรียกกันว่า “รัฐมนตรีหนังสือพิมพ์แต่งตั้ง” ซึ่งก็มีทั้งถูกบ้างไม่ถูกบ้างนั้น สำหรับงวดนี้ผมรู้สึกเฉยๆครับ
เพราะส่วนใหญ่ก็เป็น “เหล้าเก่าในขวดใหม่” แบบที่คำพังเพยยุคโบราณท่านเปรียบเปรยไว้ รู้มือรู้ชื่อรู้ประวัติกันดีอยู่แล้ว
โดยเฉพาะกระทรวงทางเศรษฐกิจที่คาดหวังเอาไว้มากนั้น...นอกจากกระทรวงคลังที่ท่านนายกฯเศรษฐาจะขันอาสาไปนั่งเองอีกตำแหน่งหนึ่งแล้ว สำหรับคนอื่นๆ ผมก็รู้สึกธรรมดาๆ เมื่อได้ยินชื่อ
แต่ก็เข้าใจในระบบการเมืองบ้านเราดี เพราะในการบริหารประเทศแบบประชาธิปไตยมาถึงช่วงนี้เกือบเรียกได้ว่า “เต็มใบ” แล้วนั้น มักจะเป็นการยากที่จะได้มือเจ๋งๆทางเศรษฐกิจมาเป็นรัฐมนตรี
เนื่องจากจะต้องจัดสรรปันส่วนกันไปในระหว่างสมาชิกของพรรค การเมืองต่างๆ ตามอาวุโสบ้าง ตามผลงานที่มีผลต่อพรรคบ้าง ฯลฯ ไม่สามารถจะไปเชื้อเชิญคนเก่งจริงๆเข้ามาได้
แต่ปัญหานี้ก็ไม่น่าห่วงใย เพราะรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งมากนัก ขอให้เป็นนักบริหารที่ดีตัดสินใจได้เด็ดขาดไม่มีคดโกง ไม่มีประโยชน์แอบแฝงก็พอแล้ว
เนื่องจากประเด็นในการบริหารหรือสาระต่างๆ เพื่อการตัดสินใจนั้น ผมเชื่อว่าข้าราชการประจำของเรายุคนี้มีคนเก่งทางเศรษฐกิจอยู่พอสมควร และยังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนผ่านองค์กรหลัก เช่น สภาหอการค้าไทย, สมาคมธนาคารไทย, สภาอุตสาหกรรมไทย ฯลฯ
หากยอมรับฟังข้อมูลทุกๆฝ่ายและไม่มีอคติหรือมีเจตนาแอบแฝง...
...
ผมเชื่อว่าจะฝ่าฟันปัญหาเศรษฐกิจที่ว่าหนักหนาสาหัสขณะนี้ไปได้
โดยส่วนตัวผมจึงให้ความสนใจกับตำแหน่งสำคัญ หรือโผภาคเอกชนใหญ่ๆมากกว่า ว่าใครจะมาบริหารองค์ไหนบ้าง? โดยเฉพาะบริษัทหรือองค์กรใหญ่ๆ ที่มีผลทั้งทางตรงทางอ้อมต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเรา
เมื่อวานนี้เองสื่อมวลชนทุกแขนงรายงานว่าองค์กรเอกชนที่มีสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือหุ้นใหญ่อันได้แก่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ที่เดี๋ยวนี้รู้จักกันอย่างดีในนามของ SCG ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เสนอชื่อ กรรมการผู้จัดการใหญ่ คนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ได้แก่ นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่คนปัจจุบันที่จะขึ้นมาแทน นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่คนปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2567 เป็นต้นไป
SCG เป็นบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก ดูจากรายได้ปีที่แล้วที่สูงถึง 569,609 ล้านบาท และมีพนักงานกว่า 50,000 คน แถมเคยได้รับการยกย่องจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นบริษัทใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย
นับเป็นองค์กรในระดับต้นๆของประเทศที่ได้ชื่อว่ามีผู้บริหารระดับสูงที่เก่งกล้าและสามารถส่งไม้ต่อกันมาได้โดยตลอด
นับจากกรรมการผู้จัดการใหญ่คนสุดท้ายที่เป็นชาวสวีเดนแล้ว องค์กรนี้ก็มีผู้บริหารเป็นคนไทยเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยรายชื่อของบุคคล เช่น บุญมา วงศ์สวรรค์, สมหมาย ฮุนตระกูล, จรัส ชูโต, พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา, ชุมพล ณ ลำเลียง, กานต์ ตระกูลฮุน จนถึงคนล่าสุด รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส
แต่ละชื่อล้วนมีความสามารถในระดับตำนานแทบทั้งสิ้น
SCG ได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่มีระบบในการ “สร้างคน” และ “กลั่นกรองคน” ในทุกระดับอย่างมีแผนในระยะยาวและดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามแผนที่วางไว้
รวมทั้งท่านรองฯ ธรรมศักดิ์ ที่ได้รับการ “เพาะบ่ม” มาระยะหนึ่งและผ่านการเรียนการฝึกอบรมสารพัดหลักสูตรที่ต้องใช้คำว่า “ระดับโลก” หลายๆหลักสูตรของหลายๆประเทศ
ทำให้ผมมั่นใจว่า SCG น่าจะเลือกคน “ไม่ผิด” อีกครั้ง และหวังว่าท่านรองฯ ที่จะขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่เต็มตัวตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 นี้ จะนำพาบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
นำความสำเร็จสู่ทั้งองค์กรตนเองและประเทศไทยในยุคฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ที่กำลังจะเริ่มต้น ณ บัดนี้
โชคดีนะครับ SCG.!
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม