เงียบๆไปไม่ค่อยส่งเสียงให้ได้ยินได้ฟังเหมือนตอนที่เล่นบท “ตบจูบ” กับ “ก้าวไกล” ช่วงลุ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตที่ไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น

ก็ไม่ใช่ใคร “ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรค “เพื่อไทย” และทีมงานเจรจากับพรรคการเมืองอื่นๆ หรือว่ากำลังลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรี

ตามโผบอกว่า จะได้คุมกระทรวงสาธารณสุขก็สมนํ้า สมเนื้อดี

ว่าไปแล้วเขาต้องเป็นหนังหน้าไฟ ซึ่งต้องรับหน้าเสื่อรอบด้านทั้งรุกทั้งรับและสนองความต้องการของเจ้าของพรรคตัวจริง

“ทักษิณ ชินวัตร”

เกมการเมืองว่าด้วยการต่อรองและชิงประโยชน์ย่อมมีคนเจ็บมีคนได้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะบางครั้งพูดไปอย่างอีกวันกลับต้องไปอีกอย่าง

ไม่ต่างกับคนกลับกลอกปลิ้นปล้อนทำนองนั้น

หากมองตามสถานการณ์ที่เป็นจริง “เพื่อไทย” แม้จะเป็นพรรคอันดับ 2 แต่ความต้องการที่แท้จริงนั้นคือ

การได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี “ชลน่าน” ได้เผยถึงท่าทีที่แท้จริงของ “เพื่อไทย” อย่างหมดเปลือกว่าด้วยเหตุที่รัฐธรรมนูญผิดปกติ

“เพื่อไทย” จำเป็นต้องจับมือกับ “ก้าวไกล” เพื่อตั้งรัฐบาล

ทั้งๆที่ “เพื่อไทย” ไม่ต้องการร่วมอยู่แล้ว แต่เมื่อรัฐธรรมนูญมีปัญหา จึงมีความจำเป็นที่ต้องทำอย่างนั้น

นั่นแหละคือความจริงทั้งหมด!

ความจริงที่ “ก้าวไกล” ก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า 2 พรรคนั้นอยู่ในสภาพปลาคนละนํ้ามีความแตกต่างกันอย่างมาก

เพียงแต่ “ก้าวไกล” ต้องการเป็นแกนนำรัฐบาล แม้เสียงสนับสนุนจะเป็นอันดับ 1 แต่ถ้าไม่มี “เพื่อไทย” ร่วมสนับสนุน

...

ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้

การจะให้ “เพื่อไทย” ร่วมรัฐบาลก็ต้องหาวิธีการที่จะจับให้อยู่หมัด ด้วยการหยิบประเด็นเสียงของประชาชน 20 กว่าล้านเสียงมาผูกมัดเอาไว้

นี่คือเสียงสวรรค์พรากจากกันไม่ได้

“เพื่อไทย” ไม่มีทางเลือกอย่างอื่นก็ต้องเดินตามเกมนั้นด้วยความอึดอัดใจ แต่ด้านหนึ่งก็รู้ดีว่าไปไม่ถึงฝั่งแน่ เพราะ สว.ไม่สนับสนุน

ที่สุดก็เป็นไปเช่นนั้นจริงๆ

เพียงแต่ในก้าวต่อไปคือการเจรจาเพื่อขอแยกทาง แม้รู้ดีว่าต้องเสียแต้มการเมืองที่ไม่เดินตามแนวที่ประชาชน ต้องการ

จนถึงวันนี้ “ก้าวไกล” ก็ยังโทษ “เพื่อไทย” ไม่รักษาคำมั่น

และป่าวประกาศให้มวลชนลงโทษ “เพื่อไทย” ที่แยกตัวไปร่วมกับพรรคการเมืองในซีกตรงข้าม หวังตีกินเป็นเกมยาวไปเลย

แต่ “เพื่อไทย” ที่สลัดหลุดออกมาได้ดูไม่อินังขังขอบเท่าใดนัก เพราะเชื่อว่าหนทางยังอีกยาวไกลและสามารถสร้างผลงานให้ประชาชนพอใจได้

อีก 4 ปีทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน

เพียงแต่ต้องพยายามให้การเลือกตั้งใหม่ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม