“เศรษฐา” เข้าทำเนียบฯจับเข่าคุย “ประยุทธ์” ชื่นมื่น ล้างภาพความขัดแย้ง เริ่มต้นความปรองดอง โอ่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ 2 นายกฯถกแลกเปลี่ยนไอเดีย ส่งมอบงาน หวานหยดชม “ลุงตู่” น่ารักเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ อยากก้าวข้ามความขัดแย้งและห่วงบ้านเมืองอย่างจริงใจ “บิ๊กตู่” ยิ้มร่าสอนรุ่นน้องให้ใจเย็น อดทน ฝากดูแลชาติ ศาสน์ กษัตริย์ บอกเลิกแบ่งสีได้แล้ว ปัดหนุนหลัง “เสี่ยนิด” นั่งนายกฯ พท.จ่อปิดจ๊อบโผ ครม.สัปดาห์หน้า ปลอบใจ “สมศักดิ์” นั่งรองนายกฯ “ชูศักดิ์” เป็นรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ปูนบำเหน็จ “กำนันป้อ” ยึดโคราชทะลุเป้า ส่งลูกสาวขึ้นชั้นนั่ง รมว.การท่องเที่ยวฯ “ธรรมนัส” เหนียวเกาะเก้าอี้ รมว.เกษตรฯแน่น “วราวุธ” แบเบอร์ครอง รมว.พาณิชย์ ปชป.ฟัดกันนัว “เดชอิศม์” ยกพวกแถลงโต้แหกคอก ตีมึน 3 แนวทางไม่รู้มติพรรคคืออะไรแน่ อ้าง 3 เสาหลักยังโหวตไปคนละทิศ “จุรินทร์” สวนคำแถลงคือมติพรรค
หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ประกาศเดินหน้าบริหารประเทศ โดยเชิญชวนทุกฝ่ายร่วมกันนำพาความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ ล่าสุดนายเศรษฐาได้เข้าพบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคนที่ 29 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยถูกจับตามองสะท้อนฉากการเริ่มต้นของการสร้างความปรองดอง
...
“เศรษฐา” พบ “บิ๊กตู่” คุยกันหวานชื่น
เมื่อเวลา 09.09 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยนั่งรถเบนซ์ประจำตำแหน่ง ทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร เข้ามาทำงาน จนกระทั่งเวลา 09.30 น. สื่อมวลชนต่างได้รายงานข่าวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ คนที่ 30 จะเดินทางเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 11.00 น. ทำให้สื่อมวลชนทุกสำนักต่างมาปักหลักติดตามทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก กระทั่งเวลา 10.55 น.นายเศรษฐาเดินทางถึงทำเนียบฯ ด้วยรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ดสีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร โดยนายเศรษฐาสวมสูทผูกเนกไทสีเหลือง ทันทีที่ถึงตึกไทยคู่ฟ้า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ มารอต้อนรับ ก่อนเชิญนายเศรษฐาไปที่ห้องโดมทอง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้มายังห้องโดมทอง มอบแจกันดอกไม้แสดงความยินดีให้กับนายเศรษฐา พร้อมพูดคุยให้คำแนะนำในการทำงาน
พาชมทำเนียบฯหนุงหนิงเป็นกันเอง
ต่อมาภายหลังการพูดคุย พล.อ.ประยุทธ์ได้พานายเศรษฐาเยี่ยมชมห้องต่างๆรวมถึงภาพทำเนียบอดีตนายกฯ ที่ล่าสุดได้มีการติดภาพ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว และพาไปเยี่ยมชมตึกภักดีบดินทร์และแนะนำอาคารต่างๆภายในทำเนียบรัฐบาลกับนายเศรษฐาอย่างเป็นกันเอง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินมาส่งนายเศรษฐาขึ้นรถที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายเศรษฐาได้ยกมือไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนรับไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มด้วยกันทั้งคู่ พร้อมกันนี้นายเศรษฐายังได้ยกมือทักทายบรรดาสื่อมวลชน และเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 11.55 น. ใช้เวลาเข้าพบหารือกันนานประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 07.09 น.เพจเฟซบุ๊กศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ได้โพสต์ภาพพล.อ.ประยุทธ์พร้อมข้อความว่า #วันนี้ในอดีต 24 สิงหาคม พ.ศ.2557 โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯคนที่ 29 ของไทย
ฝากนายกฯคนใหม่ดูแลทุกอย่าง
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ห้องภาณุรังษี ศาลาว่าการกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม กระทั่งเวลา 15.15 น. ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้ถ่ายภาพเซลฟี่กับสื่อมวลชนพร้อมกล่าวหยอกล้อว่า “ฉันยังไม่ได้ไปไหนหรอกนะ” และสื่อมวลชนได้ร้องท่อนหนึ่งของเพลง “คนไม่สำคัญ” ของพลพล พลกองเส็ง ว่า “แม้ ไม่ใช่คนโปรดอย่างคนอื่นเขา” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า ร้องเพลงให้นายกฯคนนี้แล้วก็ให้ไปร้องเพลงนี้ให้นายกฯคนใหม่ด้วย จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับนายเศรษฐาว่า ฝากดูแลทุกอย่าง ท่านก็รับไป ตนไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจ พร้อมส่งมอบงานและข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการบริหารราชการต่อไป ไม่มีฝากงานที่คั่งค้าง นายเศรษฐาคงพิจารณาอะไรที่ต้องปรับ ส่วนเรื่องสถาบันฝากแล้ว
เลิกแบ่งสีได้ อย่ามองหนุนหลัง “เสี่ยนิด”
เมื่อถามว่าได้มองหา รมว. กลาโหมคนใหม่ เพื่อดูแลกองทัพต่อไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าใครเป็น ผู้สื่อข่าวถามว่าถือเป็นนิมิต หมายที่ดีที่นายกฯทั้ง 2 คนมาเจอกันเพื่อสลายขั้ว สร้างความสามัคคีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าไปมองว่าสีไหนเป็นสีไหน เลิกแบ่งสีได้แล้ว วันนี้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้ามีรัฐบาลใหม่มา เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่านายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ เพราะได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯกล่าวว่า “ก็อย่าไปมองอย่างนั้นซิ รัฐบาลมาตามขั้นตอนและกระบวนการ เรื่องต่างๆในสภาฯเป็นเรื่องของรัฐสภา ตอนนี้อย่าไปสร้างประเด็นหรือคิดเอาเองกัน เขียนออกมาต้องระมัดระวังด้วย วันนี้ขัดแย้งกันไม่ได้แล้ว แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ
จบภารกิจนายกฯ ขอพักผ่อน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นรถและลดกระจกลง โบกมือให้สื่อพร้อมทั้งกล่าวว่า ยังไม่ได้ไปไหนสักหน่อย วันนี้ข้าราชการอำลาเกษียณ 60 ฉันเกษียณ 70 เมื่อถามว่า จะไปทำอะไรดี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พักผ่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันเมื่อเวลา 09.40 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ข้าราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) จำนวน 12 คนที่จะเกษียณอายุในเดือน ก.ย.ขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่ออำลาก่อนเกษียณอายุราชการและก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะครบวาระ โดยนายกฯมอบเหรียญหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ไอ้ไข่ศิษย์หลวงพ่อทวด รุ่นเจริญก้าวหน้ามหาเศรษฐี ให้ทุกคน พร้อมกล่าวว่าขอบคุณข้าราชการทุกคนมากๆ ที่สนับสนุนการทำงานของนายกฯมาเป็นอย่างดี ขอให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง หลังเกษียณไปแล้วให้หากิจกรรมทำ ดำรงชีวิตอย่างมีความสุข จากนั้นได้ร่วมถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
“เสี่ยนิด” ชมเปาะ “ลุงตู่” น่ารักแนะอดทน
ขณะที่เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพรรค พท.หลังไปพบปะหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการไปเยี่ยมเยือนและเป็นการเคารพตามมารยาท พล.อ.ประยุทธ์ฝากความเป็นห่วงบ้านเมือง ในฐานะเป็นผู้น้อยและเพิ่งได้รับการแต่งตั้งจึงเข้าไปพบ เพื่อปรึกษาหารือว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีอะไรฝากฝังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์น่ารักที่พาชมทำเนียบฯด้วย เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ฝากฝังประเด็นอะไรเป็นพิเศษในการบริหารบ้านเมือง นายเศรษฐากล่าวว่า “ท่านบอกว่าผมมาจากภาคเศรษฐกิจ วิธีการบริหารอาจจะแตกต่างกับการบริหารบ้านเมือง มีหลายภาคส่วนที่ต้องคำนึงถึง ให้ระวังด้วย ให้มีความใจเย็น ให้มีความอดทน ดูแลเรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์และ นโยบายอะไรดีๆที่ท่านทำไว้ฝากดูแลต่อด้วย ผมจะไปพบปะกับคนที่ทำงานให้ท่านมาด้วย โดยจะมีการนัดกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่คิดว่ามีความเหมาะสม เราจะทำต่อ”
อวยเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ
เมื่อถามว่าได้ขึ้นไปชมห้องทำงานด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ชมหมด ทั้งห้องทำงาน และห้องที่เปิดให้เด็กเยี่ยมชมในวันเด็กแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าท่านไม่ได้นั่งตรงนั้น แต่นั่งห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง ท่านได้พาไปดูแต่ไม่ได้ลองนั่ง เมื่อถามว่า ได้ปรึกษาหารือกันถึงตำแหน่ง รมว.กลาโหมหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มี เป็นการพูดคุยกันธรรมดา เป็นเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไป แล้ววันนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง และมาดูแลบ้านเมืองให้ดี พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำถึงเรื่องนี้ เมื่อถามว่า เจอกันครั้งแรกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐากล่าวว่า “เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพครับ ไม่มีอะไร ก็คุยกันดีแบบผู้ใหญ่”
ชูประวัติศาสตร์ 2 นายกฯจับเข่าคุย
เมื่อถามว่า เป็นความตั้งใจนายเศรษฐาหรือไม่ที่จะเข้าไปพบปะ พล.อ.ประยุทธ์อย่างเป็นทางการ หลังรับตำแหน่งนายกฯอย่างเป็นทางการ นายเศรษฐากล่าวว่า ใช่ และ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าเป็นครั้งแรก เป็นประวัติศาสตร์ที่นายกฯสองคนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ฝากฝังบ้านเมืองกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เมื่อถามว่า มองว่าภาพที่เกิดขึ้นวันนี้ จะสามารถลบภาพความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าคงลำบาก เรื่องความขัดแย้งที่มีอยู่ คิดว่าไม่ใช่พบปะกันหนเดียวแล้วจะจบกันไป ต้องให้เวลาและการกระทำเป็นตัวพิสูจน์ แต่อย่างน้อยทราบเจตนารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านอยากจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และมีความเป็นห่วงบ้านเมืองด้วยความจริงใจ เราต้องทำงานร่วมกันต่อไป เมื่อถามว่า เราเป็นฝ่ายนัดไปหรือเขาเป็นฝ่ายนัดมา นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันของฝ่ายทำงาน
มั่นใจทำได้ยกระดับชีวิตคนไทย
ต่อมาเวลา 16.00 น. กลุ่มเสื้อแดงปทุม นำโดยนายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ อดีตผู้สมัคร สส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคเพื่อไทย ได้เข้ามอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่นายเศรษฐา โดยนายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ดีใจที่ท่านได้มาเป็นนายกฯ สวัสดิการเรื่องปากท้องผู้สูงอายุที่พรรค พท. มี ท่านจะผลักดันไปได้ดี เพราะเป็นนักธุรกิจใหญ่ทำความสำเร็จมาแล้ว จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานี พร้อมใจกันตะโกนว่า “นายกฯชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี” ขณะที่นายเศรษฐากล่าวตอบว่า รู้สึกปลาบปลื้มที่วันนี้มากันมากมาย ภูมิใจที่มาถึงตรงนี้ได้ แม้จะไม่ได้ สส.ทุกจังหวัด แต่ทราบดีว่ามีการสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอด และเชื่อว่าพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาลในรอบ 9 ปี และมีนายกฯที่มาจากพรรค พท. โดยได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพี่น้อง เพราะเรามี สส.ที่มีคุณภาพ มีนโยบายดีๆ เชื่อว่าจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกคน
“สมศักดิ์” แย้มโผ ครม.จบต้นสัปดาห์หน้า
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ใน ครม.“เศรษฐา 1” ว่า เท่าที่ได้ฟังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทราบว่าการจัดตั้ง ครม.จะเสร็จสิ้นในต้นสัปดาห์หน้า เพราะขณะนี้แต่ละพรรคการเมืองยังไม่นิ่ง ยังไม่จบ 100% ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมที่จะไปนั่งคุมแต่ละกระทรวง เพื่อขับเคลื่อนงาน ตอนนี้กระทรวงใหญ่มากๆนั้นนิ่งแล้ว ส่วนกระทรวงขนาดกลางๆ ยังไม่นิ่ง เพราะมีหลายพรรคที่อยากได้ตรงกัน เมื่อถามว่า ความชัดเจนของนายสมศักดิ์จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีใด นายสมศักดิ์กล่าวว่า “ไม่ทราบเลย”
“เสี่ยหนู” ให้เกียรตินายกฯจัดโผ ครม.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ขึ้นอยู่กับนายกฯ การจัดตั้งรัฐบาลเป็นหน้าที่นายกฯเราไม่ควรก้าวก่าย เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวชื่อนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ได้เป็น รมว.วัฒนธรรม นายอนุทินตอบว่า เรื่องนี้ไม่รู้จะตอบอย่างไร ตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรค ขอให้ทูลเกล้าฯก่อนจึงจะพูดได้ มีขั้นตอนอยู่ เรามีนายกฯแล้วไม่สามารถก้าวล่วงได้ ไม่สามารถให้ความเห็นอะไรได้ ต้องให้เกียรตินายกฯเป็นผู้พิจารณา ตำแหน่งรัฐมนตรียังไม่ได้คุยกันชัดเจน แต่ได้หารือกันไว้ระดับหนึ่ง ต้องให้ เวลาท่านนายกฯพิจารณา ยืนยันพร้อมปฏิบัติงานในทุกกระทรวง เราได้แต่เสนอความประสงค์ว่าอยากทำงานที่ไหน อย่างไร ยังไม่ได้พูดถึงตัวบุคคล หวังว่านายกฯจะไปพิจารณา ส่วนที่นายเศรษฐาได้เข้าพบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ถือเป็นภาพที่ดี ที่นายกฯคนเก่าและคนใหม่ได้พูดคุยส่งมอบงานกัน และกัน ถ้าเป็นไปได้พยายามทำให้ความขัดแย้งต่างๆหายไปให้มากที่สุด แม้ไม่สามารถแก้ได้ภายใน 1-2 วัน แต่อย่างน้อยมีรอยยิ้มเกิดขึ้นแล้ว ถือเป็นสิ่งที่ดี
ยกนิมิตหมายดี 2 นายกฯยิ้มให้กัน
“ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ประเทศไทยอยู่ด้วยความเข้าใจ ด้วยรอยยิ้ม หนักนิดเบาหน่อยก็เข้าใจกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน คิดว่าท่านทำเพื่อบ้านเมือง สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้รู้สึกดี คนเคยอยู่คนละขั้วกัน แต่ด้วยสปิริตวันนี้ต้องมารับงานต่อ ท่านที่ต้องส่งงานก็ให้การต้อนรับท่านที่จะมารับงาน เป็นภาพที่น่ารัก เราควรจะใช้โอกาสนี้ทำเรื่องที่เป็นปัญหามานาน ความขัดแย้ง คนละขั้ว คนละฝ่าย รวมความสามัคคีเข้าด้วยกัน ผลักดันประเทศชาติต่อไป เป็นสิ่งที่ดีที่ไม่มีใครพยายามสร้างความแตกแยก ส่วนภาพที่ปรากฏภาพผมสวมกอดกับนายเศรษฐา ท่านเมตตาผม เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาก่อน วันนี้ท่านเป็นนายกฯแล้ว ท่านก็เมตตา” นายอนุทินกล่าว
โผ ครม.สัปดาห์หน้าสะเด็ดน้ำ
ส่วนความคืบหน้าในการจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค พท.ว่าโควตารัฐมนตรีมีความชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ โดยพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคได้พิจารณารัฐมนตรีของตัวเองก่อนส่งมาให้พรรค พท.รวบรวม เพื่อนำรายชื่อส่งให้สำนักเลขาธิการ ครม.(สลค.) ตรวจคุณสมบัติ คาดว่าขั้นตอนทั้งหมดจะแล้วเสร็จสัปดาห์หน้า ในส่วนของรัฐมนตรีสัดส่วนของพรรค พท. ที่ลงตัวแล้วนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯจะนั่งควบ รมว.คลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท.เป็น รมว.สาธารณสุข นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ แกนนำกลุ่ม สส.กาญจนบุรี ชิมลางเป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในตำแหน่ง รมช.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ มีแนวโน้มสูงที่จะถูกมอบหมายไปรับหน้าที่เป็นรมว.ต่างประเทศ
“สมศักดิ์” ได้รองนายกฯปลอบใจ
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ จากเดิมถูกวางตัวจะให้ไปเป็น รมว.กลาโหม แต่เพื่อความเหมาะสม จึงถูกปรับเปลี่ยนให้ไปเป็นรมว.ศึกษาธิการ เนื่องจากนายสุทิน เคยเป็นครูมาก่อน ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ ล่าสุดได้เพียงตำแหน่งรองนายกฯอย่างเดียว ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใด นางพวงเพชร ชุนละเอียด ได้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ปูนบำเหน็จลูกกำนันป้อ รมว.ท่องเที่ยว
สำหรับโควตาของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล แกนนำพรรค พท.ที่มีผลงานโดดเด่น สามารถกวาดสส.นครราชสีมา ได้เป็นกอบเป็นกำถึง 12 สส. เขตจากทั้งหมด 16 คน และอีก 1 สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมทั้งยังได้ 2 สส.จากพรรคเพื่อไทรวมพลัง ที่เป็นพรรคการเมืองของน้องภรรยา มาเป็นขุมกำลังในเครือข่าย จนสามารถผลักดันส่งให้ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล (ลูกสาวของนายวีรศักดิ์) สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.แม้เพิ่งได้เป็น ส.ส.สมัยแรก แต่ได้ขึ้นชั้นนั่งตำแหน่งใหญ่เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ขณะที่รายชื่อว่าที่รัฐมนตรีที่เพิ่มเข้ามาใหม่ คือนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค จะเป็นรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ที่มีการันตีได้เป็นรัฐมนตรีแน่นอน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้ไปนั่งกระทรวงใด
“ธรรมนัส” ยังเหนียวได้คุม ก.เกษตร
ด้านพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังคงยืนยันว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค จะนั่งรองนายกฯควบ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ นั่ง รมว.แรงงาน นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมว.การพัฒนาสังคมฯ ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ อยู่ระหว่างการจัดสรรกระทรวง ส่วน รมช.ที่พรรค ภท.ได้รับ 4 ตำแหน่ง ชัดเจนแล้ว 3 คน ได้แก่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ น.ส.ศุภมาศ อิศรภักดี นางสุขสำรวย วันทนียกุล เหลือที่ยังไม่ชัดเจนอีก 1 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ได้รับโควตา 2 รมว. กับ 2 รมช. ล่าสุดยังเป็นชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค นั่งรองนายกฯควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส). ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรค ยังเหนียวชื่อยังนั่งอยู่ที่ รมว.เกษตรฯ ส่วน 2 รมช.มีชื่อนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคและ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว และกรรมการบริหารพรรค คนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้รับความไว้วางใจให้เป็น รมช.ในนามของพรรค พปชร.
“วราวุธ” แบเบอร์เป็น รมว.พาณิชย์
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค แน่นอนแล้วว่าจะดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน ม.ล.ชโยทิต กฤดากร สส.บัญชีรายชื่อ เบื้องต้นถูกวางตัวให้นั่ง รมว.อุตสาหกรรม แต่ยังมีโอกาสที่จะมีการสลับชื่อได้อีกครั้ง ส่วน 2 รมช. ยังไม่แน่ชัดว่าจะให้เป็นใคร ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค จะนั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ พรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นั่งเก้าอี้ รมว.ยุติธรรม
“เดชอิศม์” ยัน ปชป.ไร้มติโหวต
เมื่อเวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา กลุ่ม สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 20 คน นำโดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป.ดูแลภาคใต้ และนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาธิการพรรค ปชป. แถลงกรณีโหวตเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯขัดมติพรรคที่ให้งดออกเสียง โดยนายเดชอิศม์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ประชุม สส.พรรคมีความเห็นการโหวตนายกฯแบ่งออกเป็น 3 แนวทางคือ 1.ไม่เห็นชอบ เพราะเห็นว่ามีความขัดแย้ง ความโกรธกับพรรค พท.ในอดีต สส.ใหม่โต้แย้งว่าอยากให้แยกปัจจุบันกับความโกรธแค้นออกจากกัน ทำให้ผู้ใหญ่บางคนวอล์กเอาต์จากที่ประชุม 2.เห็นชอบ เพราะเห็นว่าประเทศถึงทางตัน เกิดสุญญากาศเสียหายกับประชาชน และ 3.งดออกเสียง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ปชป. บอกว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. พวกเราจึงไม่รู้ว่าเป็นมติหรือไม่เป็นมติกันแน่ แล้วปิดประชุมไป
อ้าง 3 เสาหลักยังโหวตคนละทิศ
นายเดชอิศม์กล่าวว่า พอมาวันที่ 22 ส.ค.พวกเรานั่งฟังอภิปรายอยู่อีกห้อง ในภาพรวมแล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เห็นว่า คุณสมบัตินายเศรษฐารับได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องส่วนตัว นั่งคุยกันกับ สส.ประมาณ 20 คน พอมีการโหวตเรานั่งดู 3 คน แรกที่โหวตคือ นายจุรินทร์ งดออกเสียง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายชวน หลีกภัย โหวตไม่เห็นชอบ นี่คือ 3 เสาหลักของประชาธิปัตย์ ลงคะแนนก็ไม่เหมือนกันแล้ว เพราะคำว่ามติพรรคยกเว้นไม่ได้ มติไปทางใดต้องไปทางนั้น พวกเราเลยนั่งคุยกันว่า อย่างนี้ไม่ใช่มติพรรค เราพิจารณาแล้วถ้าจำเป็นต้องเลือก เห็นตรงกันว่าเอาชาติและประชาชนไว้ก่อน พรรค พท.รวบรวมเสียงเกิน 250 เสียง มองว่าเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ กปปส.เคยขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือกลุ่มเพื่อนนายเนวิน ชิดชอบ เคยเป็นงูเห่าออกมาโหวตให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ยังมาสมานฉันท์กันได้เลย เราเป็น ปชป.ยุคใหม่ทั้งหมดไม่เคยใส่เสื้อเหลืองเสื้อแดง ไม่ควรมารับมรดกความขัดแย้งต่อจากรุ่นเก่าๆ นี่คือเหตุผลที่เราโหวตให้นายเศรษฐา
เย้ยตั้งกรรมการขับใครกันแน่
นายเดชอิศม์กล่าวอีกว่า วันนี้เราเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ทั้งตัว สส.และศักดิ์ศรีความเป็น ปชป. ไม่กระเสือกกระสนกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นรัฐบาล เมื่อถามว่า พรรคอาจตั้งกรรมการสอบทั้งเรื่องโหวตนายกฯและไปเจรจาร่วมรัฐบาลถึงขั้นขับออกจากพรรค นายเดชอิศม์ตอบว่า พวกตนเป็น สส.รุ่นใหม่ เรามีเพื่อนทุกพรรค แยกหน้าที่กับความรักความผูกพันความโกรธแค้นชิงชังในอดีตเด็ดขาด ถ้าไปพบทุกพรรคมีความผิด ตนน่าจะโดนประหารชีวิตไปนานแล้ว เพราะสนิทกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค พรรค ปชป.ไม่มีเอกภาพตั้งแต่องค์ประชุมวิสามัญพรรคล่ม ถึงวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่ได้เมื่อไหร่ ต้องถามกลุ่มที่ทำให้องค์ประชุมล่มว่าต้องการอะไร เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องการให้พรรคขับออกไปอยู่พรรคใหม่หรือไม่ นายเดชอิศม์ตอบว่า ขับออกต้องมี สส.กับ กก.บห.เป็นมติ 3 ใน 4 กลุ่มตนเป็นเสียงส่วนใหญ่อยู่ตรงนี้หมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะขับใครกันแน่ ขับอย่างไร
สายอีสานจี้ขับพ้นชายคาให้สมใจ
ด้านกลุ่มตัวแทนสาขา สมาชิกพรรค ปชป.ภาคอีสาน เข้ายื่นหนังสือให้ กก.บห.พรรค ปชป.มีมติขับกลุ่ม สส.ที่โหวตสวนมติพรรคต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ปชป.ระบุว่า พวกเราไม่รู้สึกแปลกใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคาดหมายได้ว่า พวกเขาต้องการยึดพรรคเพื่อร่วมรัฐบาล พวกเราแม้จะเจ็บจากพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนี้ แต่ไม่ได้โกรธหรือเกลียดในทางที่พวกเขาเลือก แต่รู้สึกยินดีที่จะสนับสนุนให้ได้เดินไปในแนวทางที่ต้องการ มีวิธีการเดียวคือ ใช้มติ กก.บห.ขับให้ไปอยู่กับพรรคใหม่ที่เป็นรัฐบาลได้ เป็นการจากกันด้วยดี
“จุรินทร์” สวนคำแถลงถือเป็นมติ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงกรณี 16 สส.พรรค ปชป.โหวตเลือกนายกฯสวนมติพรรคว่า เมื่อมีสมาชิกร้องมาต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบตามข้อบังคับพรรค เป็นเรื่องภายในหัวหน้าพรรคทำเป็นอื่นไม่ได้ ส่วนกรณีนายเดชอิศม์แถลงออกมาไม่ขอให้ความเห็น แต่ทุกอย่างเป็นไปตามที่โฆษกของที่ประชุม สส.พรรคออกมาแถลงหลังการประชุม ต่อไปเป็นหน้าที่ของกรรมการสอบสวนที่จะดำเนินการ ส่วนมติขับออกจากพรรคไม่ขอพูดไปไกลขนาดนั้น เพราะจะกลายเป็นว่า พูดเลยก่อนที่คณะกรรมการจะสอบสวน มีหน้าที่แค่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาสอบสวน ทุกอย่างเป็นไปตามผลสอบสวน
โว ปชป.ลุยหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มตัว
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ขอแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯ หลังจากนี้พรรค ปชป.จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบแทนประชาชนให้เต็มกำลังความสามารถ แต่ละพรรคมีจุดยืนมีสิทธิทำหน้าที่ของตัวเองต่างกับพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องไปในทางเดียวกัน เข้าใจว่าประชาชนเข้าใจได้ หน้าที่ฝ่ายค้านจะให้พรรค ปชป.เหมือนพรรค ก.ก.ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปไม่ได้ บางเรื่องอาจไม่ตรงกัน แต่มีหน้าที่ตรงกัน คือตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน เมื่อถามว่า พรรคได้ส่งสัญญาณเข้าร่วมรัฐบาลไปยังพรรค พท.หรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ยืนยันคำเดิมพรรคไม่เคยมอบหมายผู้ใดเป็นตัวแทนให้ไปเจรจาตั้งรัฐบาลกับพรรคใด รวมถึงพรรค พท.
“ชวน” ซัดบิดเบือนไม่มีใครวอล์กเอาต์
ด้านนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. กล่าวว่า พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา บอกกับที่ประชุมว่า ปชป.ไม่ได้ร่วมรัฐบาลต้องลงมติไม่รับนายเศรษฐา ทวีสิน มีบางคนพูดในที่ประชุมว่า อยากเป็นรัฐบาลแต่ไม่เป็นประเด็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค พูดว่าเมื่อมีรัฐบาลต้องมีฝ่ายค้าน ดังนั้นเมื่อไม่ได้ไปรัฐบาลต้องเป็นฝ่ายค้าน ตนจึงขออนุญาตที่ประชุมขอลงมติไม่รับ เพราะสู้กับพรรคเหล่านี้ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยจนมาพรรค พท. ยืนยันวันประชุมพรรคมีมติให้งดออกเสียง ไม่มีคนวอล์กเอาต์ แต่ที่ตนออกจากที่ประชุมก่อนต้องไปร่วมงานศพ ที่ระบุว่ามีผู้ใหญ่วอล์กเอาต์ ไม่ใช่ อย่าบิดเบือน ส่วนข้อเสนอให้ขับ 16 สส.เป็นเรื่องของ กก.บห.พรรคต้องตรวจสอบ
จี้ใจดำไม่ขอทรยศคนปักษ์ใต้
นายชวนกล่าวอีกว่า ตอนที่พรรค ปชป.งดออกเสียงให้พรรค ก.ก. เพราะพรรคแกนนำไม่เคยประกาศว่าไม่เอาพรรค ปชป. แต่ตอนนี้นายเศรษฐา ประกาศว่าไม่มี ปชป. เราคิดว่าเขาไม่ได้อยากได้ปชป. มีเสียงแค่ 25 เสียง ต้องยอมรับว่าตอนที่เราสู้กับพรรค พท.และนายทักษิณ ชินวัตร นายเดชอิศม์ อยู่ในพรรคนั้น ตอนที่เราเรียกร้องความเป็นธรรมว่าคนภาคใต้ถูกกลั่นแกล้ง ความคิดต่างกันตั้งแต่ต้น เราสู้เพื่อขอความเป็นธรรมให้คนภาคใต้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ขอทำหน้าที่ไม่ทรยศต่อคนภาคใต้ และได้ถามในที่ประชุมถึงกรณีกระแสข่าวที่นายเดชอิศม์ ไปพบกับนายทักษิณที่ฮ่องกงว่าจริงหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่าไปฮ่องกงจริง แต่ไม่ได้ไปพบนายทักษิณ แต่เมื่อนายทักษิณทราบว่านายเดชอิศม์ไปฮ่องกงจึงเรียกไปพบ นายเดชอิศม์ยืนยันไม่ได้ไปเพื่อเจรจาร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่า พรรคยังไม่แตกใช่หรือไม่ นายชวนตอบว่า มันเหลือเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ไม่เป็นไรจะมีกี่คนตนก็อยู่ เว้นแต่ถูกขับ ช่วงหลังต้องยอมรับว่าเราแพ้ ต้องมาทบทวนว่าจะฟื้นพรรคได้อย่างไร นี่คือความหวังดีของคนในพรรคว่าไม่ควรไปร่วมรัฐบาล ควรหันมาทบทวนความพ่ายแพ้และฟื้นพรรคมาใหม่ให้แข็งแกร่งขึ้น เหมือนกับที่มีปัญหาในอดีต กระทั่งมีคนออกไปตั้งพรรคใหม่ แต่ในที่สุดประชาธิปัตย์ก็กลับมาได้
“ต๋อม” ปัด “อนาคตไกล” อะไหล่ ก.ก.
ช่วงบ่าย ที่พรรคก้าวไกล อาคารอนาคตใหม่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค ก.ก. กล่าวถึงกระแสข่าวตั้งพรรคอนาคตไกลเป็นพรรคสำรองว่า ยืนยันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรค ก.ก. ส่วนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯเข้าไปหารือสนทนาอย่างสนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นเรื่องปกติ คนเก่าส่งมอบงานให้คนใหม่ ขอแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา เข้าใจว่าคงต้องแบกรับความคาดหวังกับสังคมไว้เยอะ ทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองต้องเร่งฟื้นฟูประชาธิปไตยกลับมา ถ้าสามารถแสดงผลงานจนเป็นที่ยอมรับสมัยหน้าอาจมีคนเลือกให้กลับมาบริหารอีกได้ ที่แน่ๆพรรคร่วมฝ่ายค้านมีแล้ว 2 พรรค คือพรรคเป็นธรรมและพรรคไทยสร้างไทย ยังไม่มั่นใจพรรค ปชป.เพราะมี สส.ส่วนใหญ่ไปโหวตให้นายเศรษฐา
สส.พท.รุมสับ “อ๋อง” ใส่เสื้อคอจีน
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา ระหว่างที่ประชุมสภาฯ กำลังพิจารณารับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.64 นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. ลุกขึ้นตำหนินายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ประธานที่ประชุม แต่งกายไม่สุภาพใส่เสื้อคอจีน และใส่เสื้อสูททับไม่ผูกเนกไทว่า ข้อบังคับการประชุมสภาฯ สส.ต้องแต่งกายเครื่องแบบรัฐสภา ชุดสากลนิยม ชุดพระราชทาน หรือชุดตามระเบียบสภาฯ เห็นแล้วไม่สบายใจ ไม่เรียบร้อยเกรงจะเป็นบรรทัดฐานให้ที่ประชุม ขอให้เป็นตัวอย่างแก่สมาชิกขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวเสริมว่า การแต่งกายของประธานฯไม่ใช่สากลนิยม ควรตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาเรื่องการแต่งกายของ สส.ให้เป็นสากลนิยมให้ทุกคนปฏิบัติโดยพร้อมเพรียง ทำให้นายปดิพัทธ์ชี้แจงว่า เคยหารือแล้วว่าใส่เสื้อคอจีนแล้วใส่สูททับเป็นชุดสุภาพตามระเบียบสภาฯ ตนเคารพทุกคน ถ้าไม่สบายใจจะแต่งตัวให้ดีขึ้น วันนี้ถ้ายึดสากลนิยมจริงๆหลายคนแต่งกายคงไม่ผ่าน
ยันไม่ไขก๊อกรองประธานสภาฯ
นายปดิพัทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯว่า ตำแหน่งประธานสภาฯและรองประธานอีก 2 คน มาจากการลงมติของ สส. ไม่เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดบังคับให้ต้องลาออกหากพรรคต้องเป็นฝ่ายค้าน ประธานและรองประธานสภาฯต้องวางตัวเป็นกลางอยู่แล้ว ทำหน้าที่ได้ไม่ว่าสังกัดพรรคใด เคยแถลงวิสัยทัศน์ว่าจะทำให้สภาโปร่งใส มีสมรรถนะสูง ตนอยู่ในตำแหน่งนี้มีประโยชน์ต่อประเทศและสภาแน่ ส่วนกระแสข่าวพรรค ก.ก.จะยกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านให้พรรค ปชป. เพื่อเก็บตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 ไว้นั้นต้องให้พรรคหารือกัน ต้องชั่งน้ำหนักจะเลือกอย่างไร พรรคมีมติอย่างไรพร้อมทำตาม แต่ยืนยันไม่ได้เตรียมยื่นลาออก
สหรัฐฯยินดีไทยมีนายกฯคนใหม่
วันเดียวกัน นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนใหม่ของไทย สหรัฐฯ ตั้งตารอที่จะทำงานกับนายเศรษฐาเพื่อต่อยอดจากแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนค่านิยมที่มีร่วมกัน ตลอดจนสร้างเสริมภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่เสรี เปิดกว้างเชื่อมโยง สงบสุข และเข้มแข็งต่อไป พร้อมระบุด้วยว่า ปีนี้เป็นโอกาสครบรอบ 190 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ-ไทย นับเป็นไมตรีเก่าแก่อันดับต้นๆที่สหรัฐฯมีกับนานาประเทศทั่วโลก สหรัฐฯ-ไทยได้สร้างความมั่งคั่งร่วมกัน ส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาค เผชิญหน้าความท้าทายด้านสาธารณสุขระดับโลก และสานสัมพันธ์ระหว่างประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ศาลจำคุก “เก็ท โมกหลวง” 3 ปีครึ่ง
ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ท โมกหลวง แกนนำกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เป็นจำเลยผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตาม ป.อาญามาตรา 112 พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 เม.ย.65 ที่แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม.ศาลพิเคราะห์คำเบิกความแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง มาตรา 4 มาตรา 9 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อาญา มาตรา 91 รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือนไม่รอลงอาญา ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว คุมตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ