“เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯคนที่ 30 แสตมป์ตราประทับจากรัฐสภาด้วยคะแนนเห็นชอบ 482 ต่อ 165 เสียง

เลือกตั้งผ่านมาแล้ว 100 วัน มาถึงวันนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย

หลังจากนี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ต้องมุ่งหน้าคิดแต่เรื่องงานบริหารประเทศเท่านั้น ไม่มีสิทธิว่อกแว่ก หมดเวลาฮันนีมูน

ถ้ายังต้องเสียเวลามานั่งต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีอีกก็บ้าเต็มทน ทุกนาทีมีค่า รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาฝ่าสารพัดวิกฤติด่วนจี๋ ทุกผลงาน ทุกความเคลื่อนไหว ประชาชนเฝ้าจับตาและจับผิด

โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ตกเป็นผู้ร้ายในสายตาของใครหลายคน เพราะสตาร์ตเป็นแกนนำรัฐบาลหนนี้ด้วยคะแนนติดลบ

เข้าสู่อำนาจไม่สง่างาม ผ่านสนามเลือกตั้งมาด้วยคะแนนอันดับสอง ต้องรอเก็บตกเข้าฮอสจังหวะ 2 แถมสุดท้ายยังกระเตงพรรค “2 ลุง” มาร่วมรัฐบาล แทนที่เพื่อนรักเพื่อนแค้นอย่าง “ก้าวไกล” เสียสัจจะ เสียราคาไปจมหู

ช่วงเลือกตั้งพูดคอแทบแตก มีเราต้องไม่มีลุง แต่วันนี้ถ้าไม่มีลุงอาจไม่มีเราเป็นรัฐบาล

แต่ขึ้นชื่อว่านักการเมือง ยิ่งเป็นมือเก๋าอย่างพรรคเพื่อไทยแล้ว สุดท้ายก็หาคำแก้ตัวมาหักล้างตีเนียนไปได้อยู่แล้ว เพียงแต่ฟังยังไงก็ขัดหูอยู่ดี สำคัญกว่าคือสิ่งที่จะทำนับจากนี้ไปต่างหาก

เพื่อไทยเองรู้ตัวดีกว่าใคร กระแสนิยมศรัทธาที่สูญเสียไปไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกู้กลับคืนมา

ถึงวันนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน คนแดนไกล “โทนี่ ดูไบ” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ได้กลับมาประเทศไทยแล้ว โมเมนตัมอำนาจยังคงอยู่ในมือเพื่อไทย เพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายไปมันหนักหนากว่าที่คิดไว้เยอะ

...

โฉมหน้า ครม. เก้าอี้ รมต. ที่หลุดว่อนออกมาตอนนี้ ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่ก็ไม่ใช่โผเหลวไหลเลอะเทอะแน่ เพื่อไทยต้องดีลไปต่อรองไป คำนวณโควตา จัดวางตำแหน่งไว้อยู่แล้ว เพราะทุกอย่างช้าไม่ได้

การพลิกบทมาในรูปแบบรัฐบาลแห่งชาติ ปรองดองสลายวิกฤติขัดแย้ง รวมทุกสีเสื้อเข้ามาไว้ด้วยกันทั้งเหลือง-แดง-หลากสี ไม่นับเสื้อส้มน้องใหม่มาแรง

เป็นผลดีอย่างมากสำหรับพรรคเพื่อไทยในแง่ของสมการต่อรองเกมการเมือง จากร่องรอยที่เห็นถือไพ่เหนือกว่าทุกสำนักรอจังหวะกินรวบ กำหนดเกมผ่องถ่าย ย้ายสมการเข้าออก

แน่นอนว่า “2 ลุง” และเครือข่ายเรื่อยไปจนถึงสภาสูงยังไม่สิ้นอิทธิฤทธิ์ง่ายๆ มีจังหวะก็ต่อรองสำแดงเดชตลอดเวลา ล่าสุดพรรคที่ออกอาการชัดเจนคือพลังประชารัฐ ฟึดฟัดไม่พอใจตำแหน่ง แถมจะขอเคลมเก้าอี้ รมต.เพิ่ม

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไม่มา สว.สายบ้านป่ารอยต่อฯแยกเขี้ยวไม่โหวตให้ “เศรษฐา”

แต่เพื่อไทยยัง “เอาอยู่” เพราะตีรวมเอาเสียงมาไว้ในมือเกือบทั้งหมด ซ้ำยังมีอะไหล่รอเสียบอย่าง “ประชาธิปัตย์” นั่นจึงทำให้การต่อรองไม่รุนแรง แถมมีขู่สวนกลับ

ประชาธิปัตย์ยอมทุกอย่างแล้ว เข้าสู่ยุคตกต่ำหนักเข้าไปอีก เปิดตัวล่อนจ้อนขอร่วมรัฐบาล สภาพอเนจอนาถ เหลือเสาหลักแค่ 2 ต้น “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน” แต่ก็ทำได้แค่กอดหลักการ สาปแช่งกลุ่มกบฏ

สุดท้ายอาจทำได้แค่รอสแตนด์บายไปเรื่อยๆ เพื่อไทยเองก็ลำบากใจที่จะเอาเข้าร่วมเพราะอดีตอันขมขื่น

ดังนั้นโฉมหน้ารัฐบาลไม่น่าจะผิดจากนี้มากนัก 11 พรรครักกันหลวมๆ

ดีที่ว่า “2 ลุง” ไม่รักกันดูดดื่มเหมือนตอนซดน้ำผึ้งอำนาจ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ประกาศวางมือการเมือง แม้จะยังรักพี่แต่เกลียดคนรอบข้างตัวพี่

สภาพอิหลักอิเหลื่อช่วยไม่เต็มที่ ส่งไม่สุดซอย “โชคดีนะครับพี่ผมมาส่งได้เท่านี้”

อารมณ์รักปนชัง ลำบากค่อยยื่นมือช่วย พอกำลังจะไปได้สวย ก็ออกมาเหยียบเบรกหัวทิ่ม

ถือเป็นโอกาสของเพื่อไทยท่ามกลางวิกฤติประเทศ วิกฤติศรัทธาอย่างแท้จริง

เป็นรัฐบาลรอบนี้คือเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างของพรรคเพื่อไทย ถ้าทำพังก็จบ สภาพคงไม่ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ในยามนี้ หรือแม้แต่ทำได้ไม่ดีพอ ก็จบเห่เอวังเช่นกัน เพราะต้นทุนต่ำแล้วแต่ความคาดหวังสูง

วันนี้การเมืองประชาชนก้าวหน้า แต่การเมืองสภาล้าหลัง

พรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้านวันนี้ ไปยืนรอเป็นเต็งหนึ่งสนามเลือกตั้งครั้งถัดไปแล้ว

จึงอยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะดีไซน์พรรคใหม่อย่างไร และบริหารประเทศแบบไหน

ตรงนี้ถือเป็นเดิมพันหนักหน่วงเป็นตาย ไม่มีสิทธิพลาดพลั้งอีกแล้ว!!!

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม