การเมืองไม่ได้วัดด้วยชั่วโมงบิน
เก้าอี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตัดสินที่พรรษาการเมือง
นายเศรษฐา ทวีสิน เพิ่งเปิดตัว ลงสนามการเมืองไม่ถึง 5 เดือน ยังไม่เคยเป็น สส.ในสภาฯ ยังไม่เคยลิ้มรสการเมืองมาก่อนเลย
แต่วันนี้ “นายเศรษฐา” กลายเป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย ด้วยคะแนนเห็นชอบท่วมท้นถึง 482 เสียง
เกินกึ่งหนึ่งไปถึง 107 เสียง
โดยมี สว.ลากตั้งโหวตเห็นชอบ 152 คน เกินเป้าหมายที่ต้องการไปถึง 92 คน
แม่เจ้าโว้ย...คะแนนเห็นชอบไหลทะลักท่วมสภาฯ!!
ที่น่าสังเกตยิ่งกว่าคือ คะแนนโหวตเห็นชอบ “นายเศรษฐา” จาก 11 พรรคร่วมรัฐบาล รวมจำนวน สส. 314 คน
แต่มาโหวตจริงๆไม่เต็มแม็กทั้ง 314 คน
หนึ่งในนั้นคือ “ลุงป้อม” สส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่มีคะแนนบินข้ามฝั่งจาก สส.พรรคประชาธิปัตย์มาเติมอีกเกือบ 20 คน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...มีคะแนนบินมาจริงๆอย่างที่ลือกันแซ่ดไปทั้งสภาฯ
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า การที่พรรคเพื่อไทยผสมพันธุ์ข้ามขั้วกับพรรค 2 ลุง ทำให้ นายเศรษฐา เข้าป้ายม้วนเดียวจบแบบหักปากกาเซียน
“ใบสั่งออนไลน์” จากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม? ทำให้ สว.ลากตั้งสายลุงตู่โหวตเห็นชอบนายเศรษฐา เป็นนายกฯกันอย่างพร้อมเพรียง
แม้แต่น้องชายลุงตู่ คู่เขยลุงตู่ เพื่อนร่วมรุ่นลุงตู่ ต่างโหวตเห็นชอบนายเศรษฐากันสุดลิ่มทิ่มประตู
แสดงว่าใบสั่งสายลุงตู่เจ๋งจริงไม่อิงนิยาย
“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า บัดนี้ “นายเศรษฐา ทวีสิน” ขึ้นชั้นเป็นนายกฯ ป้ายแดงโดยไม่ต้องออกแรงแย่งทึ้งให้ลำบากลำบน
...
แต่ในฐานะน้องใหม่เปิดซิง “นายกฯก้านยาว” มีเวลาพิสูจน์ฝีมือทำงาน 3 เดือน
จะมีกึ๋น? หรือไม่มีกึ๋น...? ช่วงทดลองงาน 3 เดือน จะมีคำตอบแน่นอน
“แม่ลูกจันทร์” หวังว่า นายเศรษฐา จะทุ่มเททำงานฉลองศรัทธาประชาชนอย่างสุดฝีมือ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาแข็งปั๋งครบวงจร
แต่การเป็นพระบวชใหม่ถูกดันไปรับบทสมภาร ไม่หวานคอ แร้งเหมือนกินหมูกระทะแน่นอน!!
เพราะระบบราชการไม่รวดเร็วทันใจเหมือนการบริหารบริษัทเอกชน
ข้อสำคัญ การเป็นหัวหน้ารัฐบาลผสม 11 พรรคที่ล้วนแต่เสือสิงห์กระทิงแรดจะพันแข้งพันขาทำให้เดินหน้าได้ไม่สะดวกโยธิน
สุดท้าย...การเข้าสู่สนามการเมืองท่ามกลางนักการเมืองเขี้ยวลากดิน
ถ้าพลาดนิดเดียว...พังทันที!!
มีโอกาสแล้วอย่าทำพังเชียวนะโยม??
“แม่ลูกจันทร์”