“จุรินทร์” ยืนยัน ในฐานะประธานคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ไม่ปรับลดทั้งจำนวนผู้สูงอายุและเบี้ยยังชีพ ยังจ่ายตามขั้นอายุเหมือนเดิม มีแต่สั่งการให้ศึกษาแนวทางว่าจะเพิ่มได้อย่างไร เพื่อสอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ที่ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา ภายหลังการเปิดงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ (TILOG-LogistiX 2023) ต่อกรณีการที่มีแนวคิดปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่า เรื่องดังกล่าวหน่วยงานกำหนดนโยบายคือคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งตนเป็นประธาน ถือว่าเป็นหน่วยกำหนดนโยบาย ส่วนกระทรวงมหาดไทยหรือหน่วยปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นหน่วยปฏิบัติ คือหน่วยที่จะจ่ายเงินตามนโยบายที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นผู้กำหนด

“จนถึงขณะนี้ คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ยังไม่เคยมีนโยบายที่จะไปลดเบี้ยยังชีพให้น้อยลง หรือไปลดปริมาณผู้สูงอายุ หรือจำนวนผู้สูงอายุที่จะได้รับเบี้ยยังชีพให้น้อยลง หรือเลือกจ่ายเฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่อย่างใดทั้งสิ้น นโยบายยังคงเดิม นั่นคือจ่ายตามระบบ 600, 700, 800 และ 1,000 บาท ตามขั้นอายุ ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว”

เครือข่ายภาคประชาชน ชุมนุมคัดค้านตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หน้ากระทรวงการคลัง วันที่ 17 สิงหาคม 2566
เครือข่ายภาคประชาชน ชุมนุมคัดค้านตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หน้ากระทรวงการคลัง วันที่ 17 สิงหาคม 2566

...

นายจุรินทร์ ยังได้ยืนยันในฐานะประธานคณะกรรมการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่า ยังไม่เคยมีนโยบายให้ไปเปลี่ยนแปลงใดๆ มีแต่สั่งการให้ศึกษาแนวทางต่างๆ ว่าจะเพิ่มเบี้ยยังชีพให้สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพ ภาวะเศรษฐกิจ หรือกำลังเงินงบประมาณของแผ่นดินให้มากขึ้นได้อย่างไร

ส่วนที่กระทรวงมหาดไทยออกระเบียบ เป็นเรื่องของหน่วยปฏิบัติที่ไปออกระเบียบ แต่ในเรื่องของหน่วยนโยบาย ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายที่จะไปปรับลดเบี้ยยังชีพแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น ถัดจากนี้ไปผู้สูงอายุก็ยังคงได้รับเบี้ยยังชีพเช่นเดิมทุกประการ และแม้แต่ปี 2567 งบประมาณหน้า ก็ตั้งงบประมาณไว้แล้ว ถ้าจำตัวเลขไม่ผิดก็ประมาณ 90,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามระบบการจ่ายเบี้ยยังชีพเดิมทุกประการ

“ขอให้มั่นใจว่าอย่างน้อยหน่วยนโยบายที่ผมเป็นประธาน ไม่มีนโยบายในการที่จะไปลดทั้งคน ทั้งเงิน เมื่อหน่วยนโยบายไม่มีนโยบาย หน่วยปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายเท่านั้น นโยบายก็คือไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลง ทั้งจำนวนเบี้ยยังชีพ และจำนวนผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพให้ต่างไปจากปัจจุบัน มีแต่นโยบายให้ไปศึกษาจะเพิ่มเบี้ยยังชีพได้โดยวิธีไหน อย่างไร ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและกำลังงบประมาณแผ่นดินต่อไปในอนาคต มีเท่านี้ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยถ้าผมเป็นประธานนโยบายอยู่ ผมยืนยันไม่มี จะได้สบายใจ”