เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาในวันหยุดอันสงบสุขใน “วันแม่แห่งชาติ” เมื่อ รัฐบาลลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศใช้หลักเกณฑ์ใหม่เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าหรือรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จู่ๆก็มีประกาศกระทรวงมหาดไทยลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ลงในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 11 สิงหาคม มีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 12 สิงหาคม ทั้งที่เป็นวันหยุดราชการเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ตามเกณฑ์ใหม่ ผู้สูงอายุที่ต้องการรับเบี้ยยังชีพ ต้องยืนยันตัวตนว่า “เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ” ทำให้ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กลายเป็น “เงินอนาถา” หรือ “เงินสงเคราะห์” ที่ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้สูงอายุไปทันที

เป็นคำสั่งที่ ทำร้ายจิตใจคนแก่หรือผู้สูงอายุทั่วประเทศที่ใจร้าย ใจดำที่สุด ทั้งที่ คนแก่ทุกคนก็เสียภาษีให้ชาติมาตั้งแต่เกิดจนอายุ 60 ปี ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่รัฐบาลจ่ายให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เดือนละ 600 บาท 70 ปีขึ้นไป เดือนละ 700 บาท 80 ปีขึ้นไป เดือนละ 800 บาท 90 ปีขึ้นไป เดือนละ 1,000 บาท เป็นเงินที่น้อยมากเมื่อเทียบกับเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 3 ล้านคน ที่รับเงินกันเพลินปีละกว่า 3 แสนล้านบาท แถมยังมี ค่ารักษาพยาบาลอีกปีละ 76,000 ล้านบาท และ เงินบำเหน็จบำนาญ สส. สว. ที่กำลังทำให้ประเทศวุ่นวายเศรษฐกิจเสียหาย พวกโดดร่มการประชุมทำให้สภาล่มก็ยังรับเงินบำเหน็จบำนาญกันถ้วนหน้า แต่มาตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท อ้างประหยัดงบประมาณ มันไม่ใจดำเห็นแก่ตัวมากเกินไปหน่อยหรือ

คุณรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกฯ ชี้แจงว่า เป็นการลดจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุกลุ่มที่มีรายได้สูงหรือรํ่ารวย จากข้อจำกัดงบประมาณ วันนี้เราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว งบประมาณที่เคยตั้งไว้ปีละ 5 หมื่นล้านบาท ก็เพิ่มเป็น 8 หมื่นล้านบาท แตะ 9 หมื่นล้านในปี 2567 แต่ก็เป็นเงินที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

...

สำนักข่าวไทยพับลิก้า ได้ไปเจาะดู งบประมาณ 2566 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พบว่า รัฐบาลตั้งงบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 12 ล้านคนไว้ที่ 78,530 ล้านบาท แต่ ตั้งงบเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่เกษียณอายุ 3 ล้านคน สูงถึง 322,790 ล้านบาท คิดเป็น 10.13% ของงบประมาณปี 2566 ยังไม่นับ เงินเดือนและค่าตอบแทนพนักงานราชการอีก 614,448 ล้านบาท เฉพาะ 2566 ปีเดียว ข้าราชการเกษียณและข้าราชการที่ยังไม่เกษียณกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนสูงถึง 937,238 ล้านบาท คิดเป็น 29.43% เกือบ 1 ใน 3 ของงบประมาณ 3.185 ล้านล้านบาท เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 12 ล้านคนเทียบเท่าขี้เล็บ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังใจร้ายทำร้าย จิตใจของผู้สูงอายุ 12 ล้านคนได้ลงคอ พวกเขาไม่ได้สุขสบายเหมือนพวกท่าน ไม่ได้มีบ้านหลวงอยู่ฟรีอย่างพวกท่าน

ข้าราชการยังมีสิทธิพิเศษเหนือประชาชนและผู้สูงอายุอีกเยอะได้รับค่ารักษาพยาบาลทั้งครอบครัวจากเงินภาษีประชาชน ไม่ต้องเดือดร้อนเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย สำนักข่าวไทยพับลิก้า รายงานว่า ปี 2566 รัฐบาลได้จัดงบค่ารักษาพยาบาลให้ถึง 76,000 ล้านบาท บางปีตั้งงบไม่พอก็เบิกคลังมาใช้ก่อน เช่น ปี 2565 ยืมเงินคงคลังมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 23,597 ล้านบาท เป็น ค่ารักษาพยาบาลบุคลากรภาครัฐ 7,650 ล้านบาท เงินเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญบุคลากรภาครัฐ 15,041 ล้านบาท ยังมี เงินสมทบกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นเงินเกษียณที่ข้าราชการจะได้รับเงินอีกก้อนนอกจากบำเหน็จบำนาญ รัฐจ่ายสมทบให้อีก 75,980 ล้านบาท จากเงินภาษีของประชาชนทุกคนทุกบาททุกสตางค์ เพื่อข้าราชการไทย

เห็นไหมครับ ข้าราชการกินเงินภาษีประชาชนปีหนึ่งมากมายขนาดไหน ทำไมไม่สำนึกบุญคุณกันบ้าง เบี้ยยังชีพเดือนละ 600 บาท เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำวันกว่า ไม่ได้ทำให้ใครรวยขึ้น ประเทศอื่นประชาชนอายุ 60 เขาจ่ายภาษีที่เก็บไปคืนให้ทุกเดือนด้วยซ้ำ แต่รัฐบาลนี้กลับใจร้ายใจดำ ตัดเบี้ยยังชีพคนชรา มันยุติธรรมหรือไม่ เอาหัวอะไรตรองดูก็ได้ รัฐบาลใหม่เข้ามาต้องยกเลิกทันที และ ยึดบ้านหลวงที่อยู่ฟรี คืนมาด้วย.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม