5 สว. เคยหนุน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แตกแถว “พีระศักดิ์” เผยงดออกเสียง เหตุ เป็นการตีความกฎหมาย คนละประเด็นกับการเลือกนายกฯ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 13 คน โหวตเห็นชอบให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น แต่ปรากฏว่าในการลงมติการใช้ข้อบังคับที่ 41 เมื่อวานนี้ (19 กรกฎาคม 2566) เหลือ สว. 8 เพียงคน ที่ลงมติว่าไม่เห็นชอบ หรือสามารถเสนอชื่อ นายพิธา ซ้ำอีกครั้งได้ โดยเมื่อเทียบกับครั้งแรกพบว่า สว. หายไป 5 คน 

8 สว. ลงมติ เสนอชื่อ “พิธา” โหวตซ้ำได้

นายไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์
พลตำรวจโหณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง
นายเฉลา พวงมาลัย
นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล
นางประภาศรี สุฉันทบุตร
นายพิศาล มาณวพัฒน์
นายมณเฑียร บุญตัน
นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์

สว. 5 คน ที่ไม่โหวตสนับสนุนในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566

พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เห็นด้วย (ไม่ควรเสนอชื่อซ้ำ)
นายวันชัย สอนศิริ เห็นด้วย (ไม่ควรเสนอชื่อซ้ำ)
นายพีระศักดิ์ พอจิต งดออกเสียง
นายอำพล จินดาวัฒนะ งดออกเสียง
นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ไม่ได้ร่วมโหวต

...

“สว.พีระศักดิ์” งดออกเสียง เหตุคนละประเด็นกับเลือกนายกฯ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามไปยัง สว. ทั้ง 5 คน แต่ปรากฏว่าไม่มีใครรับสาย มีเพียง นายพีระศักดิ์ ให้เหตุผลการลงมติเมื่อวานนี้ ว่า เป็นการตีความกฎหมาย ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทางไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องถูกส่งศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยัน คำว่างดออกเสียงของตน คือการไม่เห็นด้วยกับกลุ่ม สว.กลุ่มใหญ่ ย้ำว่าเป็นความเห็นทางกฎหมาย ไม่ใช่ความเห็นที่จะเลือกหรือไม่เลือกบุคคล เป็นคนละประเด็นกับการเลือกนายกรัฐมนตรี

ส่วนหากการโหวตครั้งต่อไป ถ้าพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อใครมา นายพีระศักดิ์ ระบุว่าขอดูอีกทีว่าชื่อบุคคลนั้นเป็นใคร จะยึดหลักการโหวตให้เสียงข้างมากอย่างเดียวไม่ได้ แต่ที่ตัดสินใจโหวตให้พรรคก้าวไกลในครั้งแรก เพราะได้รับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง และต่อมาก็ไปจับมือร่วมกับพรรคเพื่อไทย 

ผู้สื่อข่าวถามต่อไป หากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย จะมีทิศทางการโหวตอย่างไร นายพีระศักดิ์ บอก ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยไปรวบรวมเสียงใครมาบ้าง แต่อย่างไรก็อยากให้รอทางพรรคเป็นผู้แถลง คาดว่าเขาก็น่าจะหารือกัน 1-2 วันนี้.