“โภคิน” วอนพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจับมือให้มั่น ชี้ ปัญหาสำคัญที่สุดของบ้านเมืองคือรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ไขปรับปรุงไม่ให้มีใครมาสืบทอดอำนาจ ลั่น หากตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อาจนำประเทศเข้าสู่กลียุค
วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 นายโภคิน พลกุล ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศพรรคไทยสร้างไทย ในฐานะอดีตประธานรัฐสภา แสดงความเห็นกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นพรรคก้าวไกล เมื่อถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี หากในครั้งแรกเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่ถึงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด คำถามคือจะมีการโหวตในครั้งที่ 2 อีกหรือไม่ หากมีการโหวต จะโหวตอยู่ในกรอบระยะเวลาเท่าใด เพราะอำนาจอยู่ในมือของประธานรัฐสภา หรือจะมีการโหวตในครั้งที่ 3 หรือครั้งที่ 4 อีกหรือไม่ เมื่อมีการโหวตไปเรื่อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีเรื่อยๆ ไปด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายโภคิน เชื่อว่าพรรคก้าวไกล คงไม่ปล่อยให้มีการโหวตไปเรื่อยๆ แต่อาจจะมีการพูดคุยกันในพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า หาก นายพิธา ไม่สามารถนำการจัดตั้งรัฐบาลได้ จะเดินหน้ากันอย่างไร อาจจะเปลี่ยนมาเป็นบทบาทของพรรคเพื่อไทยนำการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งบทบาทที่สำคัญของประธานรัฐสภาจะเกิดขึ้นในช่วงนี้
นายโภคิน ยังมองอีกว่า การได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกล เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของพรรคที่มีเสียงมากที่สุด และอาจทำให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า นายพิธา จะได้รับการโหวตในสภาฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่หากไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ การคาดหวังถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ดูจะเป็นเรื่องยากขึ้น และหากให้คาดการณ์สถานการณ์ เมื่อพรรคก้าวไกลไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ถึง 376 เสียง อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพรรคการเมืองนักการเมืองที่ไม่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
...
“ประเทศต้องเดินหน้าถูกต้องบนหลักการประชาธิปไตย ถ้าเราไม่ยืนบนหลักการให้ชัดเจน คนที่ไม่เคารพหลักการ ก็จะทำได้เรื่อยไป ก็จะคิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวหาวิธีพิเศษเลือกซื้องูเห่าก็ได้ การเมืองเป็นถึงขนาดนี้ได้อย่างไร แล้วประชาชนคนตัวเล็กจะอยู่ตรงจุดไหน”
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ทางการเมืองบีบให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย อาจนำประเทศเข้าสู่กลียุค ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจจะยังไม่ได้มาในช่วงแรก อาจจะเกิดขึ้นหลังจาก นายพิธา ไม่ได้นายกรัฐมนตรี ต้องไปดูว่าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร และจะเกิดกรณีคล้ายกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ หาก ส.ว. ไม่ให้ความเห็นชอบ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกัน ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงทำหน้าที่รักษาการต่อไป
นอกจากนี้ นายโภคิน ยังมองอีกว่า ปัญหาสำคัญที่สุดของบ้านเมืองเวลานี้ คือปัญหาจากรัฐธรรมนูญ คือกับดักที่ทำให้ประเทศเดินต่อไปอย่างยากลำบาก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาไม่ให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง หรือหากชนะเลือกตั้งก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้ จะต้องถูกตรวจสอบโดย ส.ว. องค์กรอิสระ ดังนั้นฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกันให้แน่น ประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปถึงช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่ง ส.ว. จะหมดวาระ และร่วมกันแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญ
“การนำร่างเดิมมาปรับปรุง เชื่อว่าภายในไม่เกินสิ้นปีหน้า กระบวนการทุกอย่างจะจบทั้งหมด ประเทศก็จะสามารถเข้าสู่ ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากขึ้น และจะไม่มีใครมาสืบทอดอำนาจตามกติกาใหม่ได้ เพราะ ส.ส.ร. (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ จะไม่สามารถออกแบบกติกาเพื่อใครคนใดคนหนึ่งได้ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องร่วมมือกันให้สำเร็จ จะนำไปสู่ฉากทัศน์ใหม่ของประเทศไทย”