“ปลอดประสพ” มองเห็นภาพการเมือง 2 ภาพซ้อนกัน ปีติและน่าเศร้า ชี้ วันนี้เป็นเวลาของคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเจ้าของอนาคต ถาม “พล.อ.ประยุทธ์” ตื่นหรือยัง เกมจบแล้ว อย่าทู่ซี้อยู่เลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านเฟซบุ๊กเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (3 มิถุนายน 2566) ว่า วันนี้ทางการเมืองจะเห็นภาพ 2 ภาพซ้อนกันอยู่ คือ ภาพแห่งความปีติและภาพที่น่าเศร้า

ภาพแรกที่สวยงาม คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ทำตัวง่ายๆ ร้องรำทำเพลง หัวเราะ เขินแบบไม่มีจริตจะก้าน มองดูว่านายกรัฐมนตรีแท้จริงก็คือคนธรรมดา แต่พอถูกตั้งคำถามยากๆ ทางการเมืองหรือทางเศรษฐกิจ ก็สามารถตอบได้อย่างรวดเร็ว เฉลียวฉลาด เป็นภาพตามใจประชาชนคนดู ทำให้อดวาดภาพไม่ได้ว่าหากเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ต้องแสดงในบทเหล่านี้ก็คงจะทำได้ดีมากเช่นกัน 

“วันนี้วันเวลาเป็นของคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเจ้าของอนาคตแล้ว เราผู้เฒ่าทั้งหลายควรหลบไปเสีย เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้บริหารชีวิตของพวกเขาได้แล้ว”

ภาพที่สองที่ไม่งาม คือรักษาการนายกรัฐมนตรีปัจจุบันซึ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งแต่ไม่ยอมแพ้ ยังไปทำงานและสั่งงานประหนึ่งประเทศไทยยังคงเหมือนเดิม แถมตำหนิการเตรียมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล กล่าวหาว่าไม่เหมาะสม ทำเหมือนเดิมคืออยากพูดก็พูด อยากตอบคำถามก็ตอบ อยากงอนก็เดินหนีไปเลยดื้อๆ ให้สัมภาษณ์แบบพูดไปตอบไป 

...

นายปลอดประสพ ระบุต่อไปว่า อีกเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย คือบรรดาลูกสมุนคู่ใจทั้งหลายออกมาเลียไม่เลิก บ้างก็ว่าเป็นนายกฯ ตัวอย่างที่ดีที่สุด บ้างก็ขู่ว่าจะมีประชาชนจากต่างจังหวัดบุกกรุงเทพฯ หาก นายพิธา เป็นนายกฯ ส่วนตัวมองว่า ถ้าเขามาก็คงจะมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือพวกคุณมากกว่า เพราะพวกเขาล้วนเลือกพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย อีกรายก็คืออาจารย์ใหญ่ฝ่ายอธรรม ที่ไปแนะนำนักร้องทั้งหลายว่า ควรร้องอย่างไรถึงจะครบ แถมยังคาดการณ์ผลที่จะตามมาอีกด้วย และที่ห่วยแตกที่สุดก็คือ ดันฝันเห็นการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้น พร้อมฝากถึงเพื่อนปลัดกระทรวงที่ออกมาเสนอรัฐบาลแห่งชาติ ว่า เขาเพิ่งเลือกตั้งแข่งขันกันจนรู้แพ้รู้ชนะกันแล้ว ยังดันจะเอามารวมกันอีกทำไม

ในช่วงท้าย นายปลอดประสพ เผยว่า “ท่านอดีตนายกฯ ประยุทธ์ครับ ตื่นหรือยัง เกมมันจบแล้วครับ มันหมดเวลาแล้ว ฝ่ายประชาธิปไตย ได้แก่พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และอีก 6 พรรคเขายิงไป 312 ประตู แต่ทีมคุณยังมีไม่ถึงร้อยเลย ต่อให้มีอีกสักร้อยกรรมการ (ไม่เป็นกลาง) มาช่วยให้ยิงลูกโทษอีกสัก 100 ลูก ก็ยังแพ้อยู่ดี ตอนนี้ถึงกับจะเอาคนดูมาร่วมเล่นด้วยอีกเกือบ 250 คน อย่างนี้คนดูอีก 24 ล้านคน เขาจะยอมหรือ กรุณาอย่าทู่ซี้อยู่เลยครับ”.