"พิธา" ย้ำ ไม่กังวลปมถือหุ้นสื่อ ITV  มั่นใจ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลได้ ยัน ตำแหน่ง "ประธานสภา" จะมีความชัดเจนช่วงกลางมิถุนายน สวน "แรมโบ้ อีสาน" ปกติคนแพ้เลือกตั้ง ต้องยินดีกับคนชนะ ยัน 100 วันแรก จะมีการเจรจาขึ้นค่าแรง 450 บาท ผ่านไตรภาคี

วันที่ 2 มิ.ย. 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เปิดเผยความคืบหน้ากรณีถูกร้องเรื่องถือหุ้นสื่อ ITV ว่า ได้ตรวจสอบกับทางพรรคแล้ว ขณะนี้ กกต.ยังไม่มีการเรียกเข้าชี้แจง พร้อมย้ำว่า หากตัดสินกันอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม ทั้งเรื่องหลักฐาน และเรื่องทางกฎหมาย คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล

ส่วนที่คาดการณ์ ว่า กกต.จะรับรอง ส.ส. ได้กลางเดือนมิถุนายน นี้ หาก กกต. ไม่สามารถรับรอง ส.ส. ของพรรคก้าวไกล ได้ทั้ง 151 คน จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่า เข้าใจว่าตามกฎหมายจะรับรองได้ช้าสุดในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 หากช้าไปก็ติดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ไม่สามารถเปิดสภา เลือกประธาน และรองประธานสภาได้ ก็จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะทำให้ประชาชนเรียกร้องให้ กกต. ทำให้เร็วมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน

ส่วนกระแสข่าวที่ ว่าที่ ส.ส. ของพรรคก้าวไกล ถูกร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่อาจส่งผลให้ กกต. ไม่ประกาศรับรองบ้างหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ตัวเลข ส.ส. ไม่ถึง 151 คน นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่เห็นมีเรื่องของ นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.ปทุมธานี แต่น่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับ มาตรา 112

ซึ่งตนยังไม่ได้ดูรายละเอียดกับทีมกฎหมายว่า มีประเด็นอะไรบ้าง แต่ก็ต้องให้กำลังใจกับนางสาวชลธิชา ที่ต้องขึ้นศาลโดยไม่มีทนาย ในเรื่องมาตรา 112 และหวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ได้เข้าไปทำงานรับใช้ชาวปทุมธานี ร่วมกับเพื่อน ส.ส. คนอื่นๆ ที่ได้รับเลือกตั้งมา

...

แต่ฟังจากความเห็นของนักวิชาการ และ อดีต กกต. บอกว่ามีกฎหมาย ที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครผิดพลาดอะไร แล้วที่เหลือจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังมั่นใจในรายละเอียดของตัวเอง และมั่นใจจะต้องรัฐบาลได้ ทุกอย่างมีความสม่ำเสมอ และไปไหนเลยแนวโน้มที่ดี หาก กกต. รับรองได้เมื่อไร คาดว่าจะประชุมสภาได้โดยเร็ว และตามเวลาก็จะตั้งรัฐบาลได้

ส่วนกระแสข่าวว่า การพูดคุยเรื่องประธานสภาได้ข้อสรุปแล้วว่า เป็นนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น นายพิธา ระบุว่า นายแพทย์ชลน่าน ได้ออกมาบอกผ่านทวิตเตอร์แล้วว่า คำว่าจบแล้ว มีนิยามของมันอยู่ ไม่ได้หมายความว่า จบที่ตัวบุคคล แต่ในความขัดแย้งมีกระบวนการในการแก้ไขปัญหา ว่าจะทำอย่างไรให้เป็นประธานสภาของประชาชน ดังนั้นคงมีการพูดคุยกัน โดยยังคงยืนยันการให้สัมภาษณ์ของนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เป็นทีมเจรจาบอกไว้ว่า จะมีความชัดเจนในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ 

ส่วนกรณี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาเตือนพรรคก้าวไกล ที่เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ระวังฝันค้าง ยังต้องเจออีกหลายด่าน กว่าจะตั้งรัฐบาลได้นั้น นายพิธาระบุว่า ตนยังไม่ได้ฟังสัมภาษณ์ของนายเสกสกล

แต่ได้เห็นการให้สัมภาษณ์ของนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงขอพูดด้วยความเข้าใจว่า เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจแล้วตามปกติคนที่แพ้เลือกตั้ง จะต้องยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง ยอมแพ้ และส่งมอบงานให้รัฐบาลต่อไป หากเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง คงไม่หลุดไปจากหลักการนี้ แต่อาจมีการพูดคุยกันของสภาล่าง กับ สภาสูง น่าจะเป็นไปในลักษณะนั้นมากกว่า

นายพิธา ยังกล่าวถึงข้อห่วงกังวลของประธานสภาแรงงานเรื่องค่าแรง 450 บาท ว่า หากรัฐบาลพรรคก้าวไกลไม่สามารถทำได้ใน 100 วันแรก อาจจะมีกลุ่มแรงงานไปยื่นร้อง กกต. ว่า สัญญาว่าจะให้แต่ทำไม่ได้ โดยยืนยันว่าในช่วง 100 วันแรก ตามกฎหมาย จะต้องให้ไตรภาคี คือ ลูกจ้าง 5 คน-นายจ้าง 5 คน-ฝ่ายของรัฐ 5 คน พูดคุยกัน

หากลูกจ้างเห็นว่า ค่าแรง 450 บาท เป็นจำนวนที่เหมาะสม หากจะได้ 10 วันต่อเดือน หรือ 20 วันต่อเดือนก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาทำงานของแต่ละคน ก็ยังไม่ถึงจำนวน 10,000 บาท และขณะนี้ค่าของชีพสูงมากในการใช้ชีวิต จึงเชื่อว่า จะสามารถเป็นไปได้ใน 100 วันแรก จะมีการเจรจากันเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ต้องพูดคุยกับนายจ้างและผู้ประกอบการ ที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง และเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงาน