ผมเพิ่งจะเขียนแสดงความเสียใจกับการตกชั้นของทีมฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ที่มีฉายาว่า “จิ้งจอกสยาม” ในคอลัมน์นี้เมื่อวานนี้เอง... วันนี้คงต้องขออนุญาตเขียนต่ออีกวันละครับ

เหตุที่ผมเขียนถึงเลสเตอร์ซิตี้นั้นก็เนื่องมาจากผมเป็นแฟนทีมนี้มาหลายปีแล้วเอาใจช่วยเอาใจเชียร์มาตั้งแต่สมัยคุณ วิชัย ศรีวัฒนประภา ยังมีชีวิตอยู่

จู่ๆทีมนี้จะต้องมา “คั่ว” ตกชั้นด้วยสถานการณ์ที่ต้องการ “ปาฏิหาริย์” ช่วยอย่างยิ่ง ผมจึงนำมาเขียนลงในคอลัมน์นี้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนโน้น ขอแรงใจแรงเชียร์จากแฟนฟุตบอลชาวไทย เผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์ใดๆบันดาลให้จิ้งจอกสยามยังได้อยู่ในพรีเมียร์ลีกต่อไป

ตัวผมเองนั้นถึงกับปวารณาตัวว่าจะสวดอิติปิโสให้ก่อนลงสนามแข่งขัน และก็ได้สวดให้จริงๆประสาคนไทยรุ่นเก่าที่แม้จะไม่เชื่อเรื่องมูเตลู แต่ก็ไม่ลบหลู่และมองว่าบางครั้งการทำอะไรเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแต่ไม่งมงายก็เป็นเรื่องที่ดีและมีผลบวกแก่ชีวิต

แต่จะด้วยบุญวาสนาของเลสเตอร์ในพรีเมียร์ลีกมีเพียงเท่านี้ หรือจะด้วยสัจธรรมแห่งกีฬาที่จะต้องมีขึ้นมีลงเหมือนชีวิตมนุษย์ หรือ ฯลฯ ปรากฏว่าการเอาใจช่วยเอาใจเชียร์และการสวดมนต์ของผมได้ผลเพียงครึ่งเดียว

นั่นก็คือเลสเตอร์ชนะแต่ทีมคู่ที่เบียดกันอยู่ คือ เอฟเวอร์ตันก็ชนะด้วย... เอฟเวอร์ตันจึงอยู่รอดและเลสเตอร์ต้องเป็นฝ่ายร่วงหล่นไปสู่แชมเปียนชิปลีก หรือลีกรองลงไปตามกฎกติกา

ผมจึงหยิบมาเขียนปลอบใจท่านเจ้าของทีมในคอลัมน์เมื่อวานนี้ขอให้สู้ต่อไปและหากยังไม่ท้อถอยเสียก่อนโอกาสกลับคืนมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกย่อมเป็นไปได้เสมอ

นึกไม่ถึงจริงๆครับว่าการเตะนัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีกของจิ้งจอกสยามจะกลายเป็นข่าวใหญ่ทางการเมืองไปกับเขาด้วย เป็นเหตุให้ผมต้องกลับมาเขียนถึงอีกครั้งในวันนี้

...

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าในบรรดาคนไทยที่ไปเชียร์เลสเตอร์ซิตี้ถึงขอบสนามนั้นมีทั้งคุณ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคุณ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยรวมอยู่ด้วย

แถมไปยืนถ่ายรูปคู่กัน โดยมี พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ยืนคั่นกลางเหมือนเป็นสักขีพยาน

ทำให้เกิดเสียงลือเสียงเล่าอ้างกระหึ่มขึ้นทันทีว่า...นั่นไง...เกิด “ดีลลับ” ระหว่างภูมิใจไทย-เพื่อไทยขึ้นมาจริงๆ ไปดีลกันถึงเลสเตอร์โน่นเลย

เผอิญช่วงนี้มีการพูดถึง “ดีลลับ” หนาหูอยู่ด้วย เมื่อปรากฏภาพนี้ขึ้นจึงมีเสียงอุทานว่า “กูนึกแล้ว” พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์และวิเคราะห์กันอย่างสนุก

ผู้สื่อข่าวการเมืองของเราก็พลอยสนุกไปด้วย มีการหยิบไปเป็นประเด็นถามทั้งบิ๊กตู่ ทั้งบิ๊กป้อม ซึ่งบางท่านก็ตอบ บางท่านก็ไม่ตอบอย่างที่สื่อต่างๆรายงาน

ในขณะที่คุณอนุทิน และผู้ใกล้ชิดคุณเศรษฐา ต่างก็ออกมาปฏิเสธกันพัลวันว่าไปดูฟุตบอลจริงๆ เพราะสนิทกับครอบครัว ศรีวัฒนประภา จึงไปให้กำลังใจกันถึงสนาม ต่างคนต่างวางแผนไว้นานแล้วและต่างคนก็ต่างไปไม่ได้นัดแนะอะไรเลย

ผมเองเชื่อครับว่าทุกคนไปโดยไม่มีการนัดแนะไปดูบอลอย่างแท้จริง และไม่มีดีลลับดีลสว่างอะไรแน่นอน

แต่ก็เข้าใจครับหากสังคมไทยจะสงสัยและมีการตั้งประเด็นถามขึ้น เพราะช่วงนี้เป็นช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และมีข่าวในทำนองคลื่นใต้น้ำจะมีการจับขั้วใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา...เมื่อเกิดภาพว่าบุคคลสำคัญต่างขั้วไปเจอกันเช่นนี้ขึ้นก็ต้องตั้งข้อสังเกตถามไถ่เอาไว้ก่อน

อย่าไปคิดอะไรมากถือเป็นส่วนหนึ่งของสีสันการเมืองเสียก็แล้วกัน

ผมเองที่กลับมาเขียนถึงอีกหนในวันนี้ก็เขียนแบบขยับปากกาไปยิ้มไป ไม่มีอะไรซีเรียสในเรื่อง “ดีลลับ” เพราะเชื่อเหมือนที่บุคคลใกล้ชิดของทั้ง 2 ท่านแถลงว่าไม่มีอะไรลับแน่นอน

แต่ที่ผมซีเรียสอย่างจริงจังจริงใจก็คืออยากเห็น “จิ้งจอกสยาม” กลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกโดยเร็วที่สุดดังที่ “คุณต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ให้คำมั่นสัญญาไว้

ขอเอาใจช่วยและสวดมนต์ข้ามปีเลยนะครับคุณต๊อบครับ.

“ซูม”