“บิ๊กตู่” ห่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด สั่งการเฝ้าระวังเพิ่มเติมในสถานศึกษาหลังเปิดเทอม ย้ำมาตรการไม่ต้องปิดโรงเรียน พร้อมแนะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นประจำปี หลังผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตขยับขาขึ้น
วันที่ 28 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังพบการแพร่ระบาดต่อเนื่อง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังเพิ่มเติมอย่างใกล้ชิด เน้นย้ำคำแนะนำกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 (กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป, กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์) เร่งฉีดวัคซีน ทั้งผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน หรือการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ป้องกันอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิต
โฆษกรัฐบาล เปิดเผยข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ว่า ปัจจุบันผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในช่วงระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม 2566 พบผู้เสียชีวิต 64 ราย เฉลี่ยวันละ 9 ราย ส่วนใหญ่อายุ 70 ปีขึ้นไป และไม่ยอมรับวัคซีน กลุ่มผู้ป่วยอาการรุนแรง แบ่งเป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 401 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 226 ราย มักไม่ได้รับวัคซีน อีกทั้งยังพบการระบาดลักษณะเป็นกลุ่มก้อนในกลุ่มวัยทำงาน นักเรียน และในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น มีการกระจายของผู้ป่วยในหลายจังหวัด โดยในกลุ่มผู้ป่วยอาการรุนแรง เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปี และส่วนใหญ่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือบางรายพบฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม แต่ยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันหมู่ในประชากรลดลงมาก สำหรับสายพันธุ์ที่พบการระบาดเป็นสายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ย่อยอื่นจากต่างประเทศ มีการระบาดเพิ่มทั้งในเมืองและชนบท ตามมาด้วยจำนวนผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่มมากขึ้น
...
ขณะที่ในช่วงนี้ รัฐบาลเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคในโรงเรียน ภายหลังการเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดโควิด-19 ในกลุ่มเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา ขอความร่วมมือครูประจำสถานศึกษาเข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังในโรงเรียนตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด หากพบนักเรียนป่วยจำนวนมากอาจให้หยุดเรียนเป็นรายห้องเรียนหรือเป็นชั้นเรียน ไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียน และแจ้งสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ หรือศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เข้าสอบสวนควบคุมโรคเร่งด่วน
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในลักษณะเข็มกระตุ้นประจำปีในทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยห่างจากเข็มสุดท้ายหรือประวัติการติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน โดยมีการจัดเตรียมวัคซีนโควิด-19 ให้กับทุกกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และจัดหาวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่อายุ 12 ปีขึ้นไปด้วย โดยประชาชนเข้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ที่หน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 1422
ในช่วงท้าย โฆษกรัฐบาล ระบุด้วยว่า “นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีต่อเนื่อง กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ พิจารณา ปรับมาตรการ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนไม่ประมาทและปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข รวมถึงติดตามประกาศของกรมควบคุมโรคอยู่เสมอ”.