แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย “เศรษฐา ทวีสิน” ลั่น ไม่มีเวลาลองของสำหรับมือใหม่ มั่นใจทุกนโยบายพรรคเพื่อไทยทำได้ เพราะเคยทำมาแล้วหลายสมัยที่เป็นรัฐบาล จ่อแก้กฎหมายทำรัฐประหารถือเป็นอาชญากรแผ่นดิน

วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในช่วงสุดท้ายของรายการ เริ่มใหม่ไทยแลนด์ โดยตอบคำถามที่ดำเนินรายการโดย ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ถึงคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคการเมืองใด อยากบอกอะไร โดย นายเศรษฐา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก ดัชนีทางเศรษฐศาสตร์เราอยู่บนปากเหว การเลือกตั้งในอีก 48 ชั่วโมงนี้ เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทยครั้งสำคัญ ไม่มีเวลาสำหรับลองของใหม่ ไม่มีเวลาลองของสำหรับมือใหม่ พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีตนคนเดียว แต่มีบุคลากรครบทุกวินัย เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ทุกเรื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากการเป็นแกนนำรัฐบาลในหลายสมัย ว่าพูดจริงและทำได้จริงๆ 

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเมื่อไหร่ที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ปัจจุบันก็ไม่ปกติ คือมีรากเหง้ามาจากการทำรัฐประหาร ประเทศเสื่อมโทรม เศรษฐกิจตกต่ำ ความไม่เสมอภาคไม่เท่าเทียมมีมาก ประชาชนหลายคนมีความคับแค้นใจ จึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขอสะกิดใจว่า เช้าวันอาทิตย์นี้ (14 พฤษภาคม 2566) ตื่นจากความฝันแล้วอยู่บนพื้นฐานความจริงว่านี่คือประเทศไทย เรามีขีดจำกัดในการทำอะไรหลายๆ อย่าง แต่พรรคการเมืองที่รู้ว่าขีดจำกัดแบบนี้ เราสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ ดึงประชาชนที่อยู่ในหลุมดำแห่งความยากจน ไม่เสมอภาคเท่าเทียมได้ นโยบาย บุคลากร และวิธีการของขับเคลื่อนประเทศ พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่สุด

มั่นใจประสบการณ์ผ่านมาทุกวิกฤติ

...

จากการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ผ่านมา ด้วยการชนะเลือกตั้ง นโยบายยากๆ หลายนโยบายเราสามารถทำได้ และยังเป็นนโยบายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบายที่ต่างชาติ หลายๆ ประเทศ หลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขพื้นฐานได้มาศึกษาและนำไปใช้ ประสบการณ์ที่ตนเป็นนักธุรกิจ 30 กว่าปี ผ่านมาทุกวิกฤติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง โรคระบาด องค์กรที่ทำงานอยู่ก็ฝ่าฟันวิกฤติมาได้อย่างดี จึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมมากที่สุด 

มั่นใจเพราะความพร้อมของผมในแง่ประสบการณ์ที่สะสมมาเอง และเข้ามาอยู่ในสถาบันการเมืองที่มีเกียรติ มีจุดยืนที่ยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก ไม่เอารัฐประหาร ชำนาญในการบริหารวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา เช่น ต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ รัฐบาลไทยรักไทยคืนหนี้ IMF ได้ก่อน 2 ปีด้วย ก่อนจะย้ำว่า ตนเองไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมทีมงาน และพรรคการเมืองที่เคยพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นแล้วว่าอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง แต่สามารถทำให้ประชาชนพ้นความทุกข์ยากได้ 

ไม่กลัวเป็นนายกฯ เพื่อไทยคนที่ 3 ที่ถูกรัฐประหาร

“ทุกครั้งที่มีการทำรัฐประหาร มันทำให้ประเทศถดถอยไปอย่างมโหฬาร ผมว่าพี่น้องประชาชนไม่เอาแล้ว ผู้บัญชาการทหารบกก็บอกแล้ว ลบไปจากพจนานุกรมได้แล้ว ผมก็อยากลบไปจากพจนานุกรม เรามั่นใจว่านโยบายพรรคเพื่อไทยเราทำเพื่อพี่น้องประชาชน ยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก เรายึดตามหลักนิติธรรม ไม่เอาคอร์รัปชัน จะมีการแก้ไขกฎหมายว่าการทำรัฐประหารจะเป็นอาชญากรของแผ่นดิน ไม่มีทางลบล้างได้ โทษต้องสูงสุด ตรงนั้นก็ว่ากันไป ต้องให้เกียรติคณะกรรมการที่จะมาดูแลเรื่องการกำหนดโทษ แต่นโยบายหลักเราผลักดันตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญให้ได้”

ทั้งนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกของรัฐบาลเพื่อไทย จะมีการตั้ง สสร. (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) โดยประชาชนเป็นผู้เลือกขึ้นมา เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเพื่อประชาชน ยังมีอีกหลายเรื่อง ลดค่าไฟทันที ผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม สมัครใจเกณฑ์ทหาร นโยบายเรื่องปากท้องต้องเดินหน้าทันที ก่อนจะฝากทิ้งท้ายถึงประชาชนว่า 

“ขอให้มาใช้สิทธิ์ใช้เสียงอย่างเต็มที่ เพราะประเทศบอบช้ำมาเยอะแล้ว ให้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน อยู่กับความเป็นจริง อยู่บนพื้นฐานของความเป็นประเทศไทยว่า ใครที่สามารถ พรรคไหนที่สามารถ ออกนโยบายมาโดนใจพี่น้องประชาชนทุกคน แล้วก็เข้าคูหากาทั้ง 2 ใบให้เขา ผมหวังว่าเป็นพรรคเพื่อไทย”