5 ผู้สมัคร ตัวแทนพรรคการเมือง เสนอนโยบายจะทำอย่างไรให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ ด้าน “ณัฐชา” พรรคก้าวไกล ชูย้ายพื้นที่ทหารที่ไม่จำเป็นออก สร้างปอดของ กทม. และพื้นที่ปลอดภัย
วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไทยรัฐดีเบต เลือกตั้ง 66 เริ่มใหม่ไทยแลนด์กับไทยรัฐ โค้งสุดท้ายบนเวทีดีเบตไทยรัฐครั้งสุดท้าย ดำเนินรายการโดย ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ และ อรชพร ชลาดล กับ ศึกชิงดำ ส.ส. กทม. กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์? ประชันนโยบายกับตัวแทน 5 พรรคการเมือง โดยมีผู้เข้าร่วมดีเบตวันนี้คือ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 16 พรรคเพื่อไทย
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 27 พรรคก้าวไกล
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 8 พรรคประชาธิปัตย์
นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 14 พรรคไทยสร้างไทย
นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ
...
เข้าถึงประเด็นจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ได้อย่างไร โดยให้เวลาคนละ 2 นาที เริ่มคนแรกจาก นายตรีรัตน์ ที่แสดงวิสัยทัศน์ว่า กทม. มีโอกาสจำนวนมาก แต่รายได้จัดเก็บน้อยเกินไป เพียง 69,000 ล้านบาท โดยเฉพาะปัญหาส่วยและคอร์รัปชัน พรรคไทยสร้างไทยจะเอาสิ่งที่เป็นส่วย สิ่งที่อยู่ใต้ดินต้องทำให้มาอยู่บนดิน อาทิ บ่อนการพนัน อาบอบนวด เอารายรับเข้ามา ไม่ใช่ปิดตาข้างเดียวแล้วบอกไม่รู้ไปวันๆ หรือรอ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาแฉ จากนั้นต้องสร้าง กทม. เป็น World Tourism Destinations ต่อมาเรื่องอากาศสะอาด ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เคยนำเสนอไปแล้ว รวมถึงรถ EV แล้วสนับสนุนให้คนขึ้นรถไฟฟ้าในราคา 40 บาทตลอดสาย ลดการใช้รถยนต์ที่ปล่อยมลพิษ จัดระเบียบสายสื่อสาร เป็นสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนหากได้เป็นรัฐบาล
จากนั้น นายจิรายุ ระบุว่า หลังปฏิวัติรัฐประหาร กทม. มีปัญหามานับ 10 ปี กทม. เพราะไม่มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มาจากการเลือกตั้ง เพิ่งจะมีปี 2565 คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งปัญหาก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. คือการจัดสรรงบประมาณไม่เป็นธรรม คือการนำ 50 เขตหารเท่ากัน ไม่ถูกต้อง รัฐบาลไม่ได้ทำจุดขนคนมาที่รถไฟฟ้า พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดว่า ต้องมีฟีดเดอร์ หรือรถยนต์ขนาดเล็กที่จะสามารถนำคนไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อเข้าเมืองได้ นอกจากนี้ จะเจรจาที่รกร้างว่างเปล่าทำเป็นจุดจอดรถ แล้วนำรถขนคนไปต่อ ส่วนเรื่องการศึกษา ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะยกเลิกโรงเรียนวัด 400 กว่าแห่ง เปลี่ยนเป็น โรงเรียนกรุงเทพภิวัฒน์ เพิ่มภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ขณะที่เรื่องสาธารณสุข จะใช้เทคโนโลยีคอลให้ผู้ป่วยสูงวัยคุยกับแพทย์ ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าคิดมาแล้วว่า 20 บาทตลอดสายคำนวณมาแล้วว่าทำได้
นายเขตรัฐ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เล็งเห็นการศึกษาสายอาชีพ หรืออาชีวศึกษา และจะมี Lifelong Learning ตอนนี้หลายคนตกงานเพราะโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเห็นด้วยในเรื่องขนส่งสาธารณะที่ต้องยกระดับ เพราะการเชื่อมต่อชุมชน หรือพื้นที่ต่างๆ มาสู่รถไฟฟ้าค่อนข้างลำบาก อีกทั้งยังมีปัญหาความขัดแย้งวินที่ต้องแก้คือ วินจักรยานยนต์และ Grab ที่ต้องเข้าไปแก้ ทั้งนี้ เราต้องกระจายความเจริญออกไปสู่ปริมณฑลด้วย เมื่อผู้ดำเนินรายงานถามต่อถึงเรื่องราคาไฟฟ้า นายเขตรัฐ ยืนยันว่า “20 บาทมันทำไม่ได้อยู่แล้วครับ” ขณะนั้น นายจิรายุ ได้กล่าวขึ้นว่า “เขารู้ได้ไงว่าทำไม่ได้ เขาเคยทำเป็นหรือเปล่า” นายเขตรัฐ จึงตอบกลับว่า “ตอบไม่ได้ว่าเคยทำ หรือไม่เคยทำ แต่ถ้าทำได้ป่านนี้ผู้ว่าฯ ชัชชาติก็ทำไปแล้วครับ” นายจิรายุ จึงบอกว่า “ผู้ว่าฯ ชัชชาติเพิ่งมาได้ 6 เดือนเอง เอาอีกและ”
ลำดับต่อมา นายแทนคุณ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ดูแลพี่น้องชาว กทม. มาอย่างยาวนาน โดยจะดำเนินนโยบาย คือ เศรษฐกิจ จะมีธนาคารชุมชน/หมู่บ้าน มีกองทุน 2 ล้านบาทต่อชุมชน/หมู่บ้าน เพื่อสร้างไมโครไฟแนนซ์ให้กับประชาชนที่เป็นหนี้สามารถมารีไฟแนนซ์ได้ ส่วนแหล่งท่องเที่ยว สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ทำให้ กทม. เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก โดยพรรคประชาธิปัตย์จะเพิ่มจุดท่องเที่ยวสำคัญ ให้เข้าถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ส่งเสริมอัตลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น 50 เขต เรื่องความปลอดภัย เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของคน กทม. พรรคประชาธิปัตย์เคยเพิ่มกล้องวงจรปิด และทุกวันนี้ยังใช้เป็นพระเอกตัวจริงในหลายๆ พื้นที่ ป้องกันและแก้ปัญหาอาชญากรรม ไฟฟ้าส่องสว่าง ส่วนเรื่องน้ำท่วม ก็มีนโยบายอย่างครบวงจร ทั้งเพิ่มแก้มลิง ดูดน้ำท่วมโดยใช้ Ai ควบคุม และสิ่งสำคัญที่สุดอีกเรื่อง คือ อากาศ ภาวะโลกร้อน และฝุ่น PM 2.5 โดยจะเพิ่มจุดจอดแล้วจร เพิ่มรถไฟฟ้าในส่วนของรถสาธารณะมากขึ้น สำหรับเรื่องคุณภาพชีวิต เคยผลักดันเรื่องการเรียนฟรี 15 ปี คืออนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยจะเพิ่มเรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ เพื่อให้เรียนจบแล้วสามารถมีงานทำต่อได้
นายณัฐชา เป็นผู้เสนอคนสุดท้าย ว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีก้าวไกล และก้าวไกลไม่เคยบริหาร กทม. แต่ถ้าเลือกก้าวไกลทั้ง 2 ใบ กทม. จะไม่เหมือนเดิมแน่นอน สำหรับนโยบายของ กทม. จะคล้ายๆ กับนโยบายทั่วประเทศ คือ การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เพราะต้องเผชิญปัญหาค่าครองชีพสูง ระบบสาธารณูปโภคที่ไม่อำนวยความสะดวกให้คนทั้ง กทม. รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะที่กระจุกตัวในกรุงเทพฯ ชั้นใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอากาศ ฝุ่น PM 2.5 คน กทม. ต้องเผชิญปัญหาเหล่านี้มาอย่างยาวนาน ถ้าได้เป็นรัฐบาลก้าวไกล เราจะทลายข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เปลี่ยน กทม.ให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นอกจากนี้ พื้นที่ กทม. มีเกือบ 1 ล้านไร่ แต่ราว 19,800 ไร่เป็นพื้นที่ของทหาร พรรคก้าวไกลจะย้ายพื้นที่ทหารที่ไม่จำเป็นออกจาก กทม. ให้ศักยภาพเป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นปอดของ กทม. เป็นพื้นที่ของประชาชนคนไทยทุกคน.