“สนธิรัตน์” เปิดตัวนโยบายหลักพรรคพลังประชารัฐ ชูปฏิรูประบบสาธารณสุขแบบครบวงจร ด้าน “ธรรมนัส” ลุยหาเสียงเชียงราย โค้งสุดท้าย ย้ำขอให้ เลือกคนที่มาดูแลรับใช้ประชาชน ไม่ใช่เป็นเจ้าคนนายคน

วันที่ 6 พ.ค. 2566 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ เปิดนโยบายพรรคหลักของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การสร้าง Medicopolis เมืองหลวงแห่งความมั่นคงด้านสุขภาพ  ด้วยการปฏิรูปบริการสาธารณสุขแบบครบวงจร ตามนโนบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

สำหรับนโยบายการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการทางสุขภาพ เช่น Telemedicine พาหมอไปหา เอายาไปส่ง และ Health Link ระบบคลังข้อมูลผู้ป่วยป่วยที่ไหน สามารถรักษาตัวที่นั่น ในกรณีฉุกเฉิน เร่งด่วน เพื่อการเข้าถึงประวัติการรักษาของคนไข้ได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง หรือสั่งตรวจวินิจฉัยซ้ำ รวมถึงการกระจายยาและเวชภัณฑ์ และการเบิกจ่ายของกองทุนต่างๆ ทำให้ลดภาระงานของบุคลากรในการลงข้อมูลซ้ำซ้อน ทำให้มีเวลาในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น หากเจ็บป่วย เข้ารับการวินิจฉัยและรักษาได้ที่ รพ.สต. ใกลับ้านทุกแห่ง มีเทคโนโลยีช่วยเชื่อมต่อการรักษา จาก รพ.สต. ถึงโรงพยาบาลใหญ่ ให้มีบทบาทมากขึ้น ทั้งการคัดกรองโรคและส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก พร้อมจัดสรรงบประมาณลงสู่ชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างครบวงจร

...

นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ยังลงพื้นที่ พบปะพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกรปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง จำนวนกว่า 60 คน โรงแรมวัฒนาพร พาร์ค อ.เมืองตรัง โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนมองว่าปาล์มน้ำมันเป็นเหมือนทองคำ ปาล์มน้ำมันยังมีอนาคตที่ดีมาก เพราะกระแสพลังงานสีเขียวกำลังมา จากประสบการณ์ที่ตนเคยเป็นทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตนเข้าใจกลไก ราคา และแนวทางแก้ปัญหาตรงนี้เป็นอย่างดี โดยพรรคพลังประชารัฐมีความพร้อม และมีนโยบายที่ชัดเจน แต่เราไม่ทำเรื่องการประกันรายได้ เพราะไม่ยั่งยืน แต่เราจะแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จผ่านนโยบายไบโอเจ็ท โดยผลักดันผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมันที่จะสนับสนุนเรื่องกำแพงภาษีต่าง ๆ หากเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น จะเกิดโรงงานไบโอเจ็ทขึ้นทันที แต่นโยบายระยะสั้นที่ต้องทำทันทีคือการลดต้นทุนการผลิต และการสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกร ซึ่งเรามีนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง และโครงการปุ๋ยสั่งตัด รวมถึงให้ทุนการเพาะปลูกของเกษตรกรครัวเรือนละ 30,000 บาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน ตลอดจนการยกระดับเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ให้เกษตรกรเป็นอาชีพที่มีความยั่งยืน

ขณะที่วันนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร. และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วย ดร.ธนสาร ธรรมสอน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียง ที่บริเวณโดมเอนกประสงค์ สำนักงานเทศบาลเมืองพาน จังหวัดเชียงราย เพื่อแนะนำนโยบายพรรค บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้กล่าวย้ำนโยบายหลักคือก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความยากจน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด แบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย และการสานต่อเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท โดยผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 บาท จึงขอฝากให้ทุกท่านถึงเวลาตัดสินใจเปลี่ยนมาเลือกคนใหม่ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค ที่เป็นลูกหลานของท่านเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงและช่วยพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้น 

“ที่สำคัญ สำหรับเขต 4 ได้แก่อำเภอพาน อำเภอป่าแดด ตำบลห้วยสัก ตำบลดอยลาน นี้ขอให้ไว้วางใจ “เกียรติศักดิ์ อุดขา” เบอร์ 8 ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของผม ที่ส่งมาดูแลรับใช้พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ไม่ใช่มาเป็นเจ้าคนนายคนอย่างเด็ดขาด วันที่ 14 พฤษภาคม นี้อย่าลืมไปกาเบอร์ 8 นะครับ เราต้องกล้าเปลี่ยนเพื่อให้คนใหม่คนนี้ มาสร้างบ้านแปงเมืองของเราให้ดีกว่าเดิมครับ”

นอกจากนี้ ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 11 พรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่ถ.ข้าวสาร ยืนยันว่า พปชร. มีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนผ่านกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งอาเซียน เพื่อเร่งนำเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นช่องทางที่เร็วที่สุดในการหารายได้เข้าประเทศ เพราะการท่องเที่ยวนั้น ไม่ต้องรอการก่อสร้าง รอเพียงแต่นักท่องเที่ยวมาในประเทศ เราก็ได้เงินเข้าประเทศทันที ซึ่งกรุงเทพฯ เป็นหมุดหมาย และเป็นแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้อยู่แล้ว และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องที่นั้นๆ ด้วย