ไทยรัฐดีเบต ถกกระแสและกระสุนบ้านใหญ่ เสธ.หิ ปัดข่าว ผมไม่ใช่ เสธ.คนดังที่พะเยาข่มขู่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขณะที่ “สามารถ” ขอใช้สิทธิงดพูดเหตุผลย้ายพรรคไปภูมิใจไทย บอกจากบ้านเก่าด้วยดี
วันที่ 28 เม.ย. 2566 ที่ นิมมาน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดเชียงใหม่ ไทยรัฐดีเบต “เลือกตั้ง’66 #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ กับไทยรัฐ” ดำเนินรายการโดย จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ประชันวิสัยทัศน์ในประเด็นกระแสและกระสุนบ้านใหญ่
โดยนายศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกระแสและกระสุนบ้านใหญ่ ว่า กระแสเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่กระสุน และบ้านใหญ่ มันเป็นสิ่งที่ผิด เพราะฉะนั้นคนที่กระสุน และบ้านใหญ่ ไม่ได้จะมาสนใจฟังประชาชน หรือแม้จะมาตามเวทีดีเบต เพราะไม่ใช่เส้นทางของเขา เพราะเวย์เขาคือการใช้กระสุนและบ้านใหญ่ และกระสุนของเขามันคือเงิน และใช้ยิงผ่านบ้านใหญ่ แต่พอหลังเลือกตั้งเงินที่เรียกว่ากระสุนมันเปลี่ยนเป็นกล้วย พร้อมทั้งอ้างคำพูดของ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ประจำภาคเหนือ ที่บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มันเบามากนั้น จึงขอยกอย่างว่าก่อนหน้านั้นไปพะเยา ตนเองก็สู้คอมเมนต์ทางออนไลน์ของ เสธ.หิ ไม่ได้ ก่อนอ้างถึง เสธ.คนดังมาในพื้นที่พร้อมอาวุธครบมือ เอากำนัน ผู้ใหญ่บ้านไปขู่ หากไม่เลือกจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด บ้านใหญ่ของพะเยาจึงส่งสารไปยังทหารขอให้กลับกรมกอง เพราะจะไม่ให้ใครมาสร้างความแตกแยกให้บ้านเขา ซึ่งคลับคล้ายคลับคลานักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับ เสธ.หิ เพราะไม่คิดว่า เสธ. คนใดจะดังกว่า เสธ.หิ
พิธีกรจึงให้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ประจำภาคเหนือ ใช้สิทธิพาดพิง แต่ เสธ.หิ หัวเราะชอบใจก่อนกล่าวว่า วันนั้นได้บอก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา อยู่เวทีดีเบตมาตลอด มันไม่ได้มีเวลาจะไปทำอะไรอย่างนี้ และเรียนว่าวิธีการแบบนี้พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ทำเด็ดขาด เพราะเรามั่นใจในนโยบายพรรคของเรา มั่นใจใน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าพรรค จึงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนี้
...
“ไม่มีหรอกครับ อย่างที่เรียน บริบทความรุนแรงไม่มีแล้ว เราทำการเมืองมีแพ้ได้ ให้ประชาชนตัดสิน เราต้องเคารพประชาชนครับ” ดร.หิมาลัย กล่าว
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ไปเกี่ยวโยงกับเขตเลือกตั้งตนเองด้วย พิธีกรจึงถามว่า แล้วมีหรือไม่ นพ.ชลน่าน จึงกล่าวว่า เดี๋ยวไปถามดู โดยหันหน้าไปทาง เสธ.หิ ก่อนกล่าวต่อว่า ประเด็นกระแสกระสุนและบ้านใหญ่มีผลต่อการเลือกตั้งแน่นอน แต่สิ่งที่น่ากลัวคือเรื่องการจัดการ ที่ยุคนี้น่ากลัวที่สุด ตนเองผ่านการเลือกตั้งมา 7 ครั้ง ไม่เคยได้ยินเรื่องบัตรแบ่งสี แต่สิ่งที่กังวลการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีบัตรปลอมและบัตรเขย่ง ที่จะทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยน อีกทั้งเรื่องการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าที่บางเขตมีผู้ลงทะเบียน 3.5 หมื่นคน บางเขต 5.2 หมื่นคน นี่คือสิ่งที่น่ากลัวกว่าบ้านใหญ่
พิธีกรจึงถาม เสธ.หิ ว่า ได้ข่าวหรือไม่ เสธ.หิ หัวเราะและกล่าวว่า ไม่ได้ข่าว เพราะไม่ใช่ผม เมื่อถามว่า แต่มีใช่หรือไม่ เสธ.หิ ระบุว่า ต้องขอบคุณทั้ง 2 ท่านในสิ่งที่พูดมา เรื่องของ กกต. เชื่อว่าทุกพรรคกังวลหมดจึงต้องฝากไปที่ กกต. ส่วนในเรื่องบ้านใหญ่ เรายืนยันว่าไม่ทำอะไรนอกรกอบกติแน่นอน เพราะเรามั่นใจใน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าพรรค และมั่นใจในนโยบายของเรา
ด้าน นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การพูดถึงกระแสกระสุนเหมือนการดูถูกประชาชนไปหน่อย จึงมั่นใจว่าเรื่องนี้ วันที่ 14 พ.ค. 2566 ประชาชนจะพิพากษาเอง และตัดสินเอง
เมื่อถามว่า เรื่องสถิติการย้ายพรรค ที่พรรคภูมิใจไทยเข้ามาอยู่มากที่สุด และนายสามารถ ก็เป็น 1 ในนั้น กล่าวว่า การย้ายพรรคทุกคนมีเหตุผลของตนเอง (แต่ภูมิใจไทยต้องมีจุดเด่น) จะย้ายต้องไปชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ถ้าประชาชนเขาเชื่อก็จะให้ไปต่อ แต่ฟังแล้วถ้ามีอย่างอื่นแฝงเร้นอยู่ ประชาชนจะพิพากษาเอง
ด้าน นายศิธา กล่าวแย้งว่า คนที่พูดไม่ใช่ไม่ให้เกียรติประชาชน แต่ให้ประชาชนตื่นรู้ เพราะทฤษฎีการเมืองมันต่างกัน ที่คนบอกว่าให้เกียรติประชาชนกลับกลายคือคนที่ใช้เงินมากที่สุด เพราะฉะนั้นตนเองจึงบอกว่าพี่สามารถเงียบนั้นสวยที่สุด
นายสามารถ จึงกล่าวว่า ตนเองอยู่การเมืองมาตั้งแต่อายุ 28 ปี ตนเองไม่เคยทำการเมืองอยู่นอกครรลองประชาธิปไตย เมื่อถามว่าทำไมถึงย้าย เอาเป็นว่าผมมีเหตุผลแต่ไม่อยากอธิบายให้มันยืดยาว (เอาสั้นๆ ได้) เอาเป็นว่าผมไม่อยากจะพูดถึง แต่ขอให้เกียรติพรรคเดิมที่ให้โอกาส ให้เกียรติได้ทำงาน พอจากกันถือว่าจากกันด้วยดี
ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอแย้ง นายศิธา ว่า คอมเมนต์ลุงไม่ยาว สั้น มีแต่ ค. อย่างเดียว ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร แต่คิดว่าบ้านใหญ่ กระสุนยังมีอยู่ ในฐานะที่ทำงานการเมือง และลงพื้นที่หาเสียง จากอนาคตใหม่ถึงก้าวไกล เราอยากสร้างพรรคให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคร่วมกันกับเรา และขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณหัวคะแนนเสียงธรรมชาติ ในโอกาสนี้และในช่วงเวลานี้จะไม่ว่อกแว่ก และอย่าลืมไปใช้สิทธิ ด้านนายศิธาขอใช้สิทธิพาดพิงว่า ตนเองไม่ได้ชงเรื่องนี้
ส่วน นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกอย่างมันมีอดีต ปัจจุบัน อนาคต โดย ปชป.ยึดหลัก 3 ข้อ มีพระประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ประชาธิปไตยที่ไม่โกงคือประชาธิปไตยสุจริต และประชาธิปไตยท้องอิ่ม อยากให้ก้าวข้ามความขัดแย้งในเรื่องการเมืองไปบ้าง วันนี้อยากให้มารวมกันเสนอสิ่งดีๆ ให้ประชาชน การเดินออกไปข้างหน้าจะเป็นทางออกของประเทศไทย
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องความเชื่อมั่นจากประชาชน เชื่อว่าทุกพรรคอยากได้เหมือนกัน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้มันไม่ปกติ เชื่อว่าหากประชาชนสู้โดยไม่มีเป้าหมายจะแพ้ และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนคิดได้ การตัดสินจะมียุทธศาสตร์ เอาเป้าหมายเป็นหลัก
เมื่อถามว่ามีบ้านไหนใหญ่กว่าบ้านป่ารอยต่อหรือไม่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ เสนอนโยบายเต็มที่ หาเสียงอย่างเต็มที่ อันนี้เป็นประชาธิปไตยเต็มที่ ไม่มีใครบังคับประชาชนได้ แต่เมื่อหลังเลือกตั้งอยากให้ ส.ส.มาคุยกัน มาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ให้มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และอยากให้ทุกคนเลิกทะเลาะกัน ก็หวังว่าเลือกตั้งเสร็จจะได้รัฐบาลที่ดี และอะไรจะเกิดขึ้นก็เกิดหลังการเลือกตั้ง.