“บิ๊กป้อม” นำทัพพลังประชารัฐ ปราศรัยใหญ่อ้อนคนแปดริ้วเลือกยกจังหวัด ชูนโยบายลดราคาน้ำมัน ลั่นเป็นรัฐบาลพร้อมทำทันที ด้าน “สนธิรัตน์” ฟันธง ไม่มีใครชนะเบ็ดเสร็จ ยก “ประวิตร” บารมีสูงสุด
วันที่ 19 เม.ย. 2566 ที่ลานวัดสมานรัตนาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยใหญ่ช่วยผู้สมัคร ส.ส. ฉะเชิงเทรา หาเสียง ประกอบด้วย นายรัฐสภา นพเกตุ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 นายสายัณห์ นิราช ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 และพล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 โดยมีประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยประมาณ 12,000 คน ขณะที่แกนนำพรรคเดินทางมาร่วมหลายคน นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง
...
โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พลังประชารัฐ ขึ้นปราศรัยว่า เวลาเลือกผู้แทนต้องเลือกคนที่อยู่ในพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลถึงจะมีโอกาสมารับใช้ประชาชน ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างวิเคราะห์กันว่า พรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลมากที่สุดคือ พปชร. เนื่องจากไม่ว่าใคร ฝ่ายไหนจะชนะเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นรัฐบาลผสมแน่นอน ไม่มีฝ่ายใดชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ต้องผสมกันตั้งรัฐบาล พปชร.เป็นพรรคที่ประกาศนโยบายชัดเจนว่า พรรคเราไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่ขอเป็นกาวใจเชื่อมโยงทุกฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ฉะนั้น วันที่ 14 พ.ค. อย่าให้คะแนนตกน้ำ เลือกพรรคที่เป็นรัฐบาล กาเบอร์ 37 อาสาทำให้การเมืองหลังการเลือกตั้งไม่ตีกัน ไม่ขัดแย้งกัน ให้คนไทยที่แม้คิดต่างแต่ต้องรักกัน พปชร.จะเป็นกาวใจเชื่อมโยงทุกฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล
“ในบรรดาว่าที่นายกรัฐมนตรีของทุกพรรค มีใครที่มีบารมีสูงสุด คุยกับทุกคนได้ พปชร.ภูมิใจนำเสนอ พล.อ.ประวิตรที่จะเป็นกาวใจเชื่อมโยงทุกฝ่ายไม่ให้ตีกัน มีประสบการณ์ บารมี ตั้งใจพาก้าวข้ามความขัดแย้ง และเรากล้าบอกว่าเป็นพรรคที่รวมขุนพลเศรษฐกิจที่คนทั้งประเทศบอกว่าดีที่สุดในทุกพรรคการเมือง มีทั้งอดีต รมว.คลัง 2 คน อดีต รมว.พาณิชย์ 2 คน มีอดีต รมช.คลัง และ รมช.คลังคนปัจจุบัน มีอดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ มี รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ต่อมาเวลา 18.20 น. พล.อ.ประวิตร ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตน และ พปชร.พร้อมแล้วที่จะทำงานรับใช้ชาวฉะเชิงเทราให้เจริญรุ่งเรือง พปชร.ได้เลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของชาวฉะเชิงเทราทั้ง 4 เขต โปรดเลือกผู้สมัครทั้ง 4 เขต และขอให้เลือกหมายเลข 37 ด้วย ตนอยากสื่อสารให้พี่น้องทราบว่าที่ผ่านมาประเทศพัฒนาได้ยาก พปชร.จึงนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินให้เหลือลิตรละ 18 บาท น้ำมันดีเซลลดลิตรละ 6.30 บาท ซึ่งจะทำทันที่ พปชร. ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊ส ให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ พปชร.จะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายอำเภอในฉะเชิงเทราได้รับการดูแลจากตน พปชร.จะแก้ปัญหาความยากจน เราจะก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับการศึกษา อย่างถนนหมายเลข 304 จะเป็น 4 เลน เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
“ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานและประสานประโยชน์ได้ทุกฝ่าย จะนำคนเก่งๆ มาร่วมมือกันทำงาน ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความรุ่งเรืองให้ประเทศก้าวข้ามความยากจน เราจะก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้งไปด้วยกัน ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความเป็นหนึ่งเดียว รักใคร่สามัคคีกัน ขอให้เชื่อมั่นใน พปชร. ผมขอประกาศกับพี่น้องว่าเราทำได้ พร้อมจะรับใช้ประชาชนให้มีความสุขต่อไป โดยการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้ โปรดเลือก พปชร. เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ขอฝาก พปชร.ไว้กับชาวฉะเชิงเทราด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว