“บิ๊กตู่” ลบคำสบประมาทเดินตลาด อ.ต.ก.ลุยหาเสียง ชิมทุเรียน-หม่ำข้าวแกงเช็กเรตติ้ง เกทับสวัสดิการ รทสช.ปีละ 1.2 หมื่นเหนือกว่ากระเป๋าเงินดิจิทัล เจอหนุ่มเสื้อแดงขี่มอเตอร์ไซค์ ชูป้ายป่วนนอกตลาด เข้าสวนจตุจักรครึ้มใจแจมครวญ เพลง เจอจังๆคนชู 3 นิ้วไล่ไม่ต้องมาหาเสียงที่นี่เทใจเลือก “เศรษฐา-พิธา” ไปแล้ว “ชวน-จิตภัสร์” รวมพลังตะลอนช่วยลูกพรรค ท่องคาถาห่วงธุรกิจการเมืองโกงมาถอนทุน “จุรินทร์” ฟุ้ง ปชป.พร้อมดับชนวนยึดอำนาจ “ประเสริฐ” มั่นใจ พท.เคลียร์ กกต.ดิจิทัลวอลเล็ต “เสี่ยนิด” ย้อน” ประยุทธ์” หัดฟังเสียงที่ไม่อยากได้ยินบ้าง ได้เป็นรัฐบาลไม่หวั่นรัฐประหารซ้ำอีก “ชัยธวัช” โวยแท็กติกสกัด ก.ก.หาเสียงกำลังพล ดีดลูกคิดโชว์โกย ส.ส.เกิน 81 ที่นั่ง ปลื้มกระแสภาคเหนือ-อีสานพุ่งพรวด “เพื่อชาติ” ชู “ปฏิวัติเขียว” ปลุกไทยผู้นำคลังอาหารโลก

พรรคการเมืองต่างๆโหมลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกันอย่างเต็มที่ต่อเนื่องจากเทศกาลวันหยุดยาวสงกรานต์ ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปรับแผนลงพื้นที่เดินตลาดหาเสียง เพื่อให้เข้าถึงประชาชนมากยิ่งขึ้น

...

“ลุงตู่” ลบคำปรามาสเดินตลาดก็เป็น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 เม.ย. ที่ตลาดบองมาร์เช่ มาร์เก็ตพาร์ค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินทางลงพื้นที่หาเสียงในช่วงวันหยุด ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร จุดแรกพบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนภายในตลาดบองมาร์เช่ มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้า รทสช. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ รทสช.พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม. 10 เขต อาทิ นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางซื่อ เขตดุสิต น.ส.อรัญญา มณีแจ่ม ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่ เขตจตุจักร นายศรราม ภูมิไชย ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางเขน เขตลาดพร้าว นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองเตย เขตวัฒนา ร่วมคณะ

ใส่เสื้อเบอร์ 22 รทสช.ขอเสียง

ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาถึงนายพีระพันธุ์ ได้นำเสื้อแจ็กเกตพรรคสีขาว ติดเบอร์ 22 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ใส่ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินพบปะพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด สอบถามถึงการค้าขาย พร้อมชื่นชมบางคนใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการขายของและกล่าวว่ารัฐบาลได้วางระบบไว้ให้เกิดความสะดวกมากขึ้น ถ้าได้กลับมาจะทำต่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะเข้ามาไม่มีแบบนี้ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ชูมือเบอร์ 22 ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่เข้ามาขอถ่ายภาพตลอดทาง บางคนเข้ามากอดและกล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า “ที่รักลุงตู่ เพราะลุงตู่รักสถาบัน”

เดินหาเสียง อ.ต.ก.ชิมทุเรียนเจ๊นิ

ต่อมาเวลา 12.10 น. ที่องค์การตลาดเพื่อการเกษตรกร (อ.ต.ก.) พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะลงพื้นที่หาเสียงตลาด อ.ต.ก. พบปะพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน โดยมีประชาชนชูนิ้วเบอร์ 22 เชียร์ลุงตู่ๆๆแถมมีบรรดาแฟนคลับมาขอถ่ายรูปให้กำลังใจเป็นระยะ ขณะที่เมื่อผ่าน “ร้านทุเรียนเจ๊นิ” ได้นำทุเรียนให้พล.อ.ประยุทธ์ชิม พร้อมกล่าวว่า กิโลกรัมละ 12,000 บาท ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์จับมือแม่ค้าพร้อมกล่าวว่า “นี่เพชรหรือ” ด้านแม่ค้ากล่าวติดตลกว่าเป็นอาวุธเผื่อใครพูดไม่เข้าหู พล.อ.ประยุทธ์จึงยกนิ้วให้ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างเดินพบปะพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน ว่า ต้องขออภัยเสียงดังไปหรือเปล่าต้องขอโทษจากใจจริง เดี๋ยวทานข้าวไม่อร่อย ให้อภัยหรือเปล่าที่เสียงดังในวันนี้

หม่ำข้าวแกง–เจอชายเสื้อแดงป่วน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์รับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อาหารในตลาด อ.ต.ก. โดย พล.อ.ประยุทธ์ เดินไปสั่งอาหารด้วยตัวเองที่ร้านข้าวราดแกง สั่งเมนู ผัดหน่อไม้ไก่ แกงเทโพหมู ผัดหัวไชโป๊ ผัดผักกาดดองใส่ไข่ ผัดกะเพรา มัสมั่น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กินแบบนี้ก็ดีเหมือนกันง่ายๆดี สมัยก่อนก็กินอะไรง่ายๆแต่อร่อย ทั้งนี้ ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะหาเสียงอยู่ในตลาด อ.ต.ก. ที่ด้านนอกตลาดมีชายกลางคนใส่เสื้อสีแดงขับรถมอเตอร์ไซค์ติดป้ายข้อความว่า “ลุงตู่อยู่ต่อไปคงบรรลัยทั้งแผ่นดินนโยบายหาเสียงไว้ทำไม่ได้จริง ทิ้งภาระให้ประชาชน เสนียดไปจัญไรมา ข้าว ยาง อ้อย มัน บรรลัย ยุทธศาสตร์ของใครวางไว้ 20 ปี”

ลุยจตุจักรเจอชู 3 นิ้วไล่ไม่ต้องมา

จากนั้นเวลา 13.40 น. ที่ตลาดนัดจตุจักร พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่อง ตลอดเส้นทางมีผู้สนับสนุนจำนวนมากเข้ามาขอถ่ายภาพ แต่ก็มีผู้เห็นต่างแสดงการต่อต้านเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินผ่านมีคนยืนชูสามนิ้วพร้อมตะโกนว่า “ไม่ต้องมาหาเสียงที่นี่หรอก ให้ทำงานให้ได้ดีกว่า” รวมถึงมีคนพูดอีกว่า “เลือกนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปแล้ว” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้สอบถามว่าคนนี้เป็นใคร เมื่อทราบว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไทยและมาหาเสียงถึงกับกล่าวออกมาว่า “อะเมซิ่ง”

คึกจัดแจมโชว์ลูกคอเพลงฝรั่ง

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินมาถึงช่วงกลางตลาดนัดจตุจักร ได้มีนักร้องต่างประเทศยืนร้องเพลงสากลอยู่ พล.อ.ประยุทธ์จึงได้ขอเพลง Stand by Me กับเพลง Wind Beneath My Wings โดยร้องคลอตามนักร้องตัวจริงไปอย่างอารมณ์ดี ระหว่างนี้ พล.อ.ประยุทธ์หยิบพัดสีแดงขึ้นมาพัดตลอดเวลา เนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าวจนทำให้ทีมงานนำเอาพัดรูปหัวใจสีไม้มาเปลี่ยนให้แทน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวติดตลกว่า “สีแดงไม่สวย” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มาเดินสวนจตุจักรตั้งแต่ยศพันเอก ชอบมาเดินที่นี่มีหลายร้านที่ชอบ และที่ชอบเพลง Stand by Me เพราะมีคนมายืนอยู่ข้างๆ รวมถึงที่ชอบเพลง Wind Beneath My Wings เพราะความหมายคือลมใต้ปีก จะไปไหนมาไหนต้องมีลม พร้อมกลางมือโชว์เหมือนนกบิน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วคิดว่าใครเป็นลมใต้ปีกบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ภรรยา ประชาชนและลูกของผมไง ที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด” ก่อนกลับ พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นไปยืนบนขอบรถยนต์ส่วนตัว พร้อมชูสองนิ้วตะโกนว่า “เบอร์ 22” ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ

ยกสวัสดิการ 1.2 หมื่นต่อปีสุดเจ๋ง

เมื่อถามว่าอยากให้อธิบายถึงเงินนโยบายของ รทสช. เรื่องเงินสวัสดิการที่ให้มาก 10,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า วงเงินเดือนละ 1,000 บาทรวมทั้งปีได้ 12,000 บาท ถ้าเปรียบเทียบ 10,000 บาท ในระยะเวลา 6 เดือนที่เป็นการให้ครั้งเดียว แต่สิ่งที่เราทำได้ทุกเดือน มันพุ่งเป้าไปสู่กลุ่มที่มีความเดือดร้อนจริง การใช้เงินไม่ใช่หว่านไปทั่ว มันไม่ได้ อันนี้เป็นความคิดเห็นของทางต่างประเทศด้วยเราก็นำมาวิเคราะห์ และวิจัยว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ อย่าลืมต้องให้ความสำคัญกับเสถียรภาพการเงินที่แข็งแกร่ง “ไม่ได้ติเตียนว่าใครทั้งหมด ผมบอกเหตุผล ล่าสุดผมเป็นผู้บริหารประเทศ ลองเปรียบเทียบดูแล้วกัน ถ้าไม่พุ่งเป้า เราจะเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่แก้ปัญหาแบบพุ่งเป้าใครเดือดร้อนมาก เดือดร้อนน้อยก็ต้องดูแลกันตามนั้นทุกเรื่อง ก็ต้องทำตามนี้ในหลักการ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

มั่นใจแจง กกต.ทันผ่านตาทุกนโยบาย

เมื่อถามว่าของเดิมที่ทำอยู่ดีกว่าตรงที่ใช้ได้ทั้งประเทศ ไม่ได้กำหนดรัศมีในการใช้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะใช้ได้ทุกพื้นที่ อย่าลืมบางร้านค้าข้างล่างที่หวังไปเก็บเงิน มีปัญหาอยู่ตรงที่บางร้านเป็นร้านเล็กๆน้อยๆ อาจไม่ได้จดทะเบียน เราไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน นอกจากยกระดับให้เขาดีขึ้น เพื่อเข้าสู่ระบบจดทะเบียนห้างร้าน ถ้าไม่ขึ้นทะเบียนก็พัฒนาไม่ได้ เก็บภาษีไม่ได้ แต่ก็เห็นใจ บางคนรายได้น้อย เมื่อถามว่านโยบายที่ กกต.กำหนดให้ชี้แจงตามกำหนดระยะเวลา รทสช.เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า รทสช.ทำแล้ว ต้องชี้แจงที่มาต่อ กกต.ให้ทัน คงใกล้เสร็จหมดแล้ว เผลอๆเสร็จหมดแล้วด้วยซ้ำไป โดยคำนึงถึงรายรับที่มีอยู่และรายจ่ายที่ต้องมีอยู่แล้วเดิม การดูแลผู้มีรายได้น้อยก็มีอยู่แล้ว ทุกนโยบายต้องผ่านประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ รทสช. ไม่เช่นนั้นจะเป็นประธานไปทำไม ประธานไม่ได้มีหน้าที่นั่งเฉยๆ

เตือนแจกหว่านแห่ประเทศวิกฤติ

เมื่อถามถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนที่อันดับความนิยมลดลง ทำให้เสียกำลังใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบทันทีว่า ไม่เสียหรอก ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน เมื่อถามอีกว่าช่วงโค้งสุดท้าย รทสช.มีปรับกลยุทธ์ในการหาเสียงอย่างไรหรือไม่ เพื่อให้ผลโพลมาอันดับ 1 พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า สิ่งที่สำคัญสุดทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจ และเกิดการให้ความร่วมมือ หากหาเสียงแบบมีแต่ให้ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เราก็ทราบกันมาอยู่แล้วที่ผ่านมาได้อะไรกลับมาหรือไม่ มีแต่ปัญหามาตลอด ฉะนั้นวันนี้ทุกประเทศในโลกถ้าใช้วิธีการดูแลเฉพาะเจาะจง กลุ่มรายได้เท่าไหร่ควรได้อะไร อะไรที่ควรได้ทุกคน อะไรที่ได้บางคนบางรายได้ มีหลักคิดทั้งหมด พูดเองเออเองทั้งหมด คนชอบ กรรมเวรของประเทศชาติไปก็แล้วกัน

“จุรินทร์” มั่นใจยึดคืน จ.สุราษฎร์

เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นรถแห่เพื่อขอเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี ทั้ง 7 เขต ว่า จากการปราศรัยที่ จ.สุราษฎร์ธานี 2 เวที บรรยากาศสะท้อนให้เห็นถึงเสียงตอบรับจากประชาชน เป็นแรงส่งสำคัญที่จะทำให้พรรคได้รับการสนับสนุนจากชาวสุราษฎร์ ธานีทั้ง 7 เขต ทำให้มีโอกาสยกทีมเหมือนการเลือกตั้งปี 62 ขอส่งสัญญาณอีกครั้งขอให้ช่วยกลับมาเลือกและสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนกรณีที่นายชวนลงพื้นที่หาเสียงช่วย ยังมีความกังวลถึงการใช้เงินซื้อเสียงนั้น เรื่องนี้เป็นอุปสรรคและปัญหาใหญ่ของการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้รัฐบาลที่คอร์รัปชัน ผลร้ายตกกับประชาชน จากงบฯก่อสร้างสะพานร้อยแห่งเหลือแค่ 60 แห่ง โรงพยาบาล 100 แห่งจะเหลือแค่ 60 แห่ง ผลร้ายตกกับระบอบประชาธิปไตยด้วย เห็นได้จากการยึดอำนาจหลายครั้งที่ผ่านมา เหตุผลหนึ่งที่อ้างกันเนื่องจากมีการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล การแลกคะแนนเสียงกับเงินไม่กี่ตังค์มันไม่คุ้มค่ากับความเสียหายต่อประชาชนและต่อประเทศ

ปชป.พร้อมดับชนวนยึดอำนาจ

เมื่อถามถึงการเลือกตั้งครั้งนี้เกือบทุกฝ่ายประเมินถึงการใช้กระสุนดินดำซื้อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จุดนี้พรรค ปชป.มีความเป็นห่วงอย่างไร นายจุรินทร์ตอบว่า สิ่งที่เป็นห่วงอย่างยิ่ง และพูดหลายครั้งแล้ว ขอพูดอีกครั้งว่า “เป็นห่วงธนกิจการเมือง” คือการใช้เงินมหาศาลมาซื้อสิทธิขายเสียง ประมูลตัว ส.ส. สุดท้ายนำไปสู่การถอนทุน ธนกิจการเมืองจะแปลงโฉมเป็นธุรกิจการเมือง สุดท้ายบ้านเมืองไปต่อไม่ได้ ประชาชนเสียหาย ประชาธิปไตยรักษาไว้ไม่ได้ เพราะเกิดปฏิวัติรัฐประหารทีไร เหตุผลข้อหนึ่งที่อ้างกันตลอด คือ มีการทุจริตคอร์รัปชัน ทุจริตส่วนหนึ่งมาจากการถอนทุนทางการเมือง เกิดจากการใช้เงินมหาศาลประมูลตัวนักการเมืองไปลงสมัครและใช้เงินซื้อสิทธิขายเสียง ทางแก้อีกช่องทางหนึ่ง ประชาชนต้องไม่เห็นดีเห็นงามกับการใช้เงินซื้อเสียง การใช้เงินประมูล ส.ส.และต้องไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้นำรัฐบาล จะไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการสูญเสียประชา ธิปไตยอีกหรือดับชนวนเกิดการยึดอำนาจ เพราะเราใช้อุดมการณ์ ต้องไม่โกง โกงเมื่อไหร่เข้าทางสูญเสียประชาธิปไตยเมื่อนั้น

“ชวน-ตั๊น” ดาวกระจายช่วย “แนน”

ขณะที่เมื่อเวลา 07.00 น. นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้า ปชป. พร้อม น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรค ปชป. และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมลงพื้นที่เพื่อช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับ น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร หรือแนน รองโฆษก ปชป. ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตธนบุรี-คลองสาน-ราษฎร์บูรณะ เบอร์ 11 ที่ตลาดเช้าซอยสุขสวัสดิ์ 26 เขตราษฎร์บูรณะ กทม. โดยมีพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาดเช้าพูดคุยทักทาย และขอร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมาก

ห่วงธุรกิจการเมืองโกงถอนทุน

โดยนายชวนกล่าวอีกว่า เลือกตั้งครั้งนี้ตนลงเบอร์ 26 คือเบอร์ ปชป. ส่วน น.ส.ศิริภาที่ลงสมัครเขตราษฎร์บูรณะ เคยเป็นเลขานุการช่วยงานเป็นประธานสภา ยืนยันเป็นคนรุ่นใหม่ มีความสามารถ รับผิดชอบมุ่งมั่นอาสาทำงานการเมืองเป็นปากเสียงให้น้องชาวราษฎร์บูรณะ คลองสาน และชาวธนบุรี ส่วนสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน เป็นธุรกิจการเมือง ใช้เงินซื้อเสียง ใช้เงินประมูลตำแหน่งกัน อันตรายมาก ที่ลงทุนซื้อกันแล้วเข้าไป ไม่โกง แค่คำพูด ไม่มีแน่ เราจึงใช้หลักประเทศรุ่งเรือง เมื่อบ้านเมืองสุจริต ตนพูดได้เต็มปากเพราะอยู่ในสภามา 55 ปี เป็น ส.ส.อาวุโส ที่ชาวบ้านยังเลือกมาได้เห็นพัฒนาการตรงนี้ จึงขอโอกาสให้คนรุ่นใหม่ของ ปชป. ได้เข้ามาทำหน้าที่ในสภา แน่นอนว่าทุกสาขาอาชีพมีทั้งคนดี คนไม่ดี ขอให้ช่วยกันเลือกคนดี มีความรู้ มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีจริยธรรมให้มาทำหน้าที่ มั่นใจ น.ส.ศิริภา เลือกตั้งครั้งนี้ขอให้เลือกคนของ ปชป.

“ตั๊น” ย้ำต่อยอดสร้างเงินสร้างชาติ

ด้าน น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวว่า ปชป.ไม่ใช่พรรคของคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง แต่เป็นของคนทุกรุ่นที่อยู่มายาวนานกว่า 77 ปี ในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯเป็นผู้ริเริ่มทำโครงการนมโรงเรียนให้เด็กได้ดื่ม ริเริ่มตั้งกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มาจนถึงวันนี้ เป็นการวางรากฐานให้เด็กเยาวชนอนาคตของชาติมีพัฒนาการเจริญสมวัย เพิ่มสัดส่วนความสูงและมีสุขภาพดีเพิ่มโอกาสทางสังคมจากการศึกษา นโยบายของ ปชป. ครั้งนี้พัฒนาต่อยอดขยายโอกาสให้เด็กได้ดื่มนมฟรีครบ 365 วัน รวมไปถึงมีอาหารกลางวันที่โรงเรียนให้เด็ก ที่สำคัญนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่ขาดแคลน ถือเป็นความมุ่งมั่นในการสร้างคน เพื่อสร้างรายได้ นำไปสู่การสร้างชาติที่เข้มแข็ง ยั่งยืน ที่ผ่านมา ปชป.ได้ให้ความสำคัญในการปูพื้นฐานด้านการศึกษาของคนในชาติมาตลอด จึงมาขอโอกาสจากประชาชนทุกคนว่า วันที่ 14 พ.ค. ขอให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เข้าคูหากาเบอร์คนของ ปชป.แต่ละเขต และกาให้ ปชป.เบอร์ 26 ด้วย

พท.ขุด รทสช.ทำไม่ได้ย้ายค่ายหนี

น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค รทสช.ตั้งข้อสงสัยที่มาเงินในนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทว่า พรรค พท.ได้นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายต่างๆต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ระบุที่มางบประมาณที่จะใช้ชัดเจนตามกฎหมาย รวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาล พท.ที่จะเข้ามาฟื้นจีดีพีให้เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี รวมทั้งจัดเก็บรายได้รัฐที่มากขึ้น และการจัดสรรงบฯที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไป ทั้งหมดพรรคและตัวแทนชี้แจงข้อซักถามของสังคมมาโดยตลอด และพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมทุกเมื่อที่มีโอกาส แต่นายธนกรไม่ฟังเอง ที่ผ่านมานายธนกร เคยอยู่พรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้ย้ายมาสังกัดพรรคใหม่ ก่อนจะซักถามหรือต่อว่านโยบายพรรคอื่น ควรต้องถามตัวเองก่อนว่านโยบายที่หาเสียงไว้ในปี 2562 ทำได้บ้างหรือไม่ การย้ายมาตั้งพรรคใหม่ แต่นโยบายของพรรคเก่ายังไม่ทำ ไม่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง ยังมาวิจารณ์พรรคอื่นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ทำงานการเมืองไม่สร้างสรรค์หรือไม่

มั่นใจดิจิทัลวอลเล็ตแจงเคลียร์ชัด

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมชี้แจงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ว่า พรรคเพื่อไทยมี 2 ประเด็นที่ต้องยื่นต่อ กกต. คือ การชี้แจงต่อ กกต.เรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะยื่นวันไหนนั้นพรรคจะมีการสรุปกันในวันที่ 17 เม.ย. แต่ยืนยันข้อมูลพร้อมและเชื่อว่าการชี้แจงครั้งนี้จะทำให้ กกต.สิ้นข้อสงสัย เพราะเราจะวิเคราะห์ที่ไปที่มาทางการเงินตามระเบียบทุกอย่าง ส่วนอีกเรื่องคือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อบัตรประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งอาจจะส่อไปในทางทุจริต เรื่องนี้พรรคจะยื่นต่อ กกต.วันที่ 20 เม.ย.

“เศรษฐา” มั่นใจ กทม. แต่ต้องลุยหนัก

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. ลงพื้นที่ช่วย น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 13 ลาดพร้าว หาเสียง ได้รับการตอบรับที่ดียิ่ง ต่างรุมขอถ่ายภาพทั้งนายเศรษฐาและ น.ส.สกาวใจเป็นที่ระลึก โดยนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า กทม. มั่นใจแต่ผู้สมัครทุกคนและแคนดิเดตนายกฯพรรคยังต้องลงพื้นที่เยอะๆสื่อสารนโยบายตอบข้อสงสัยประชาชน ผลักดันนโยบายพรรคให้เข้าถึงประชาชน มีทีมดูตัวเลขอยู่หลังจากนี้จะเน้นลงพื้นที่ที่สูสีหรือคะแนนตามอยู่ต้องทำงานหนักบางวันอาจมี 4-5 เวที ไม่ว่าเราจะทำดีขนาดไหนยังไม่เพียงพออยู่ดี นโยบายที่ดีมีเยอะมาก จะทยอยเผยแพร่ไปเรื่อยๆ วันที่ 17 เม.ย.จะประชุมกับผู้สมัคร ส.ส.กทม.ขยายเน้นบางนโยบายที่บางพื้นที่อาจยังอธิบายไม่ชัดเจน

ย้อน “บิ๊กตู่” ฟังเสียงที่ไม่อยากได้ยินมั่ง

เมื่อถามถึงกรณีแคนดิเดตนายกฯพรรค รทสช.ระบุการแจกเงินควรพุ่งเป้าไปสู่กลุ่มที่เดือดร้อน ไม่ใช่หว่านไปทั่ว นายเศรษฐาตอบว่า ถ้าคิดว่าตลอดเวลาที่ท่านอยู่มา 8 ปี ประชาชนทุกกลุ่มไม่ได้เดือดร้อนไปทุกหัวระแหง ขอให้กลับไปดูหน่อย พยายามได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินบ้าง จะได้เข้าใจถ่องแท้ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน นโยบายของ พท.ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพราะมั่นใจว่าเราคิดใหญ่ทำเป็น

ได้เป็นรัฐบาลไม่กลัวรัฐประหารซ้ำ

เมื่อถามถึงกรณีผลโพลหลายสำนักระบุว่าคะแนนพรรคก้าวไกลตามพรรค พท.แบบหายใจรด ต้นคอแล้ว นายเศรษฐากล่าวว่า นโยบายเราชัดเจนอยู่แล้ว มั่นใจว่าครอบคลุมทั่วถึงและหลากหลาย เมื่อถามว่านักวิชาการเสนอแนะให้พรรค พท.ประกาศจุดยืนให้ชัดเจนเหมือนพรรค ก.ก.ที่บอกไม่เอาฝ่ายตรงข้าม นายเศรษฐา กล่าวว่า ฝ่ายตรงข้ามของพรรค พท.คือความยากจน ความไม่เท่าเทียม ความไม่เสมอภาคในสังคมไทย จะเดินหน้าให้ได้คะแนนเสียงสูงสุดแล้วค่อยว่ากันจับมือใครไม่จับมือใคร เมื่อถามว่า หากพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาล กลัวว่าจะเกิดการ ทำรัฐประหารอีกหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า 8 ปี เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการรัฐประหารทำอะไรให้ประเทศบ้าง พรรค พท.ยึดหลักนิติธรรม ไม่คอร์รัปชัน นำเสนอนโยบายเพื่อประชาชนจริงๆ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวบางพื้นที่ พรรค พท.เริ่มมีการแจกเงินซื้อเสียง นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีอยู่แล้ว จากนั้นนายเศรษฐาไปที่ตลาดหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย ช่วยนายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 14 บางกะปิ หาเสียง ประชาชนตอบรับดีเช่นเดียวกัน

“ชัยธวัช” ทวงมาตรฐานหาเสียงกำลังพล

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 1 ก.ก.ถูก สห.ห้ามหาเสียงในตลาดแห่งหนึ่งในจ.นครราชสีมา ว่า กรณีรองแม่ทัพภาคที่ 2 ชี้แจง ปัญหาต้องแก้ไขโดยมาตรฐานเดียวกัน ในตลาดที่โคราชก่อนหน้านั้น ผู้สมัคร ก.ก.ช่วงก่อนได้เบอร์ผู้สมัคร รวมถึงสมัยคณะก้าวหน้าลงท้องถิ่น เราเข้าไปหาเสียงที่ตลาดดังกล่าวได้ ไม่เห็นมีปัญหา ไม่กี่วันก่อนพรรคอื่นเคยไปเดิน กองทัพจะอย่างไรก็ได้แต่ต้องมีมาตรฐานเดียว ไม่ใช่ห้ามอยู่พรรคเดียว พรรค ก.ก.มีข้อเสนอว่ากองทัพควรประกาศพื้นที่อนุโลมให้หาเสียงได้ไปเลยว่าเป็นพื้นที่ไหน เช่น ตลาด หรือสวนสาธารณะที่เป็นพื้นที่ของกองทัพ ควรอนุญาตให้ผู้สมัครทุกพรรคเข้าไปหาเสียงได้เลยดีที่สุด ไร้ปัญหาสองมาตรฐาน โดย 1.ตลาด หรือ สวนสาธารณะ เป็นพื้นที่กองทัพ ควรประกาศเป็นพื้นที่อนุโลมให้ทุกพรรคหาเสียงได้ 2.ส่วนในค่าย พรรคไหนขอควรจะอนุญาต ไม่จำเป็นต้องอ้างว่าให้รอครบขอมาทุกพรรคถึงจะอนุญาต การอ้างแบบนี้กีดกันไม่ให้บางพรรคที่กองทัพไม่ต้องการไม่ให้เข้าไปหาเสียงกับกำลังพล

โวยแท็กติกกีดกันสารพัดไม่ให้เข้าค่าย

นายชัยธวัชกล่าวถึงกรณีที่รองเเม่ทัพภาค 2 ชี้แจงว่าเข้าได้แต่ต้องขออนุญาตก่อนว่าในค่ายเคยขออนุญาตไปแล้วแต่กลับมีปัญหาในทางปฏิบัติทำหนังสือขออนุญาตไปไม่ได้ง่าย เอาแค่ว่าก่อนหน้านี้ เช่น ตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เราเคยทำหนังสือขอเข้าไปหาเสียงกับกำลังพลในค่ายยุ่งยากมาก บางทีถูกปฏิเสธ หรือทำให้ไม่สะดวก อ้างว่าด้วยความเป็นกลาง ต้องรอทุกพรรคขอมาถึงจะอนุญาตให้เข้า พอเราขออนุญาตไปมีแท็กติกที่ปฏิเสธหรือเตะถ่วงอ้างเหตุผลต่างๆนานา แต่ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกที่ของทหารที่เข้าไม่ได้ มีหลายที่ได้ให้เข้าไปได้

ดีดลูกคิดโชว์เเต้มโดดเกิน 81 ที่นั่ง

นายชัยธวัชกล่าวถึงกรณีผลสำรวจผลโพลต่างๆช่วงโค้งแรกของการเลือกตั้ง ใกล้เคียงกับโพลที่พรรค ก.ก.ทำอยู่มากแค่ไหนว่า โพลจะเเม่นหรือใกล้เคียงคือโพลช่วงโค้งเดือนสุดท้าย จะเป็นช่วงเวลาแท้จริงที่ประชาชนสนใจการเลือกตั้งจริงจัง แต่โพลแค่ตัวชี้ให้เห็นภาพรวมบางส่วน ไม่สามารถบ่งบอกคะแนนทั้งหมด ย้ำเลยว่า ของจริงจะอยู่หลังช่วงสงกรานต์ ถ้าจะถามว่า ก.ก.เองมีการทำโพลหรือไม่ ที่ผ่านมาก่อนสงกรานต์ ก็ต้องบอกว่า เราไม่ได้ดูแต่โพลอย่างเดียวแต่ต้องใช้เครื่องมือหลายอย่าง เช่น โซเชียลมีเดีย รวมถึงต้องวิเคราะห์ ประเมินจากสนามการเมืองที่เป็นจริงด้วย ในรายละเอียดโดยเฉพาะส.ส.เขต ของพรรคตัวเองและคู่แข่ง ถ้าถามว่าจนมาถึงวันนี้โดยรวมจากการประเมินจากหลายตัวชี้วัด โดยภาพรวมต้องบอกว่ายิ่งใกล้เลือกตั้งเท่าไหร่ ยิ่งมั่นใจมากๆว่าเราจะประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยอนาคตใหม่แน่นอน ตอนอนาคตใหม่เราได้ 81 ที่นั่ง กระแสดีขึ้นเรื่อยๆอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคิดว่ามันจะดีขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงช่วงโค้งสุดท้าย สิ่งที่ต่างกันก็คือเราจะได้ ส.ส.เขตเยอะกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ

เหนือ–อีสานแต้มพุ่งกระฉูด

เมื่อถามว่าที่ภาคใต้ มีโอกาสชนะจังหวัดไหนบ้าง นายชัยธวัชตอบว่า ความจริงไม่อยากพูดเรื่องตัวจังหวัด เพราะผู้สมัครเราทุกคนเข้มข้นและก็สู้เต็มที่ทั้งหมดทุกเขต ยืนยันว่าก้าวไกลจะได้ ส.ส. เขตในภาคใต้ทั้งในเขตฝั่งอันดามัน ฝั่งอ่าวไทย และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ อย่างน้อยอย่างละ 1 เก้าอี้ แน่นอน ส่วนภาคเหนือตอนบนเราน่าจะชนะก้าวกระโดดเพราะกระแสเราดีมาก ส่วนภาคเหนือตอนล่างมีกระจัดกระจายมีโอกาสในหลายจังหวัด ปัจจัยสำคัญที่สุดจริงๆทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน คล้ายกันคือผลงานของเราโดดเด่น แตกต่าง ตรงไปตรงมา คุ้มภาษี ต่างจากนักการเมืองแบบเดิมๆ เป็นปัจจัยที่ทำให้ชาวบ้านสนับสนุน ก.ก.แบบเขต ชนะได้แบบก้าวกระโดดทั้งเหนือและอีสาน ทั้งนี้ พื้นที่ที่เราจะได้ ส.ส.ค่อนข้างเข้มข้นคือกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เหนือ อีสาน และภาคตะวันออกกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตั้งเป้าไว้ที่เรามีโอกาสได้ถึง 25 เสียง คือ จ.นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปทุมธานี เป็นต้น ภาคกลางมีอยู่แต่อาจยังไม่แข็งแรงเท่าภาคอื่น แต่หวังไว้หลายจังหวัดคิดว่ามีโอกาส

“เพชร” ปรับแผนหาเสียงหน้าค่าย

นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษก ก.ก.กล่าวถึงประเด็นการกีดกันไม่ให้ผู้สมัคร ก.ก.เข้าไปหาเสียงภายในเขตทหารว่า ข้ออ้างของเขาคือ ถ้ามีพรรคเดียวมาขออาจจะทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบ เขายืนยันว่าไม่ได้ ถ้าไม่มีพรรคอื่นมาด้วยไม่ให้ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วย แต่ไม่เป็นไรเข้าข้างในไม่ได้ ที่ผ่านมาเราปรับใช้วิธีการหาเสียงหน้าค่ายทหารไปเลย เพราะเราปฏิรูปเพื่อสร้างสวัสดิการที่ดีให้ทหารทุกเหล่าทัพ ตั้งแต่นายสิบไปยันนายร้อย ต้องยกเลิกประเพณีนิยมการใช้อำนาจ เรื่องโซตัส การลงโทษที่มากเกินไป เราไม่ได้ปฏิรูปเพื่อให้กองทัพอ่อนแอแต่เราปฏิรูปเพื่อคืนสวัสดิการทำให้กองทัพเล็กแต่ทันสมัย เรื่องนี้ส่งสัญญาณไปยัง ผบ.พัน เรื่องการขออนุญาต ทั้งนี้ ข้าราชการทหาร ตำรวจได้รับข่าวสารว่าเราไปเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพ สถาบันหรือข้าราชการ เราอยากขอโอกาสให้ได้ฟังเราอย่าฟังความข้างเดียวหรือฟังความจากกรุ๊ปไลน์ หรือหนังสือราชการที่เตือนให้ระวังเรา แต่เราทำเพื่อพี่น้องข้าราชการ ให้ข้าราชการทำงานได้ดีขึ้นใช้งบอย่างคุ้มค่าและสวัสดิการที่ต้องดีขึ้น

“สุดารัตน์” ย้ำยุติการเมือง 2 ขั้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย พร้อมนายกิติ วงษ์กุหลาบ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 29 บางแค หนองแขม พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยจัดขบวนคาราวานสร้างไทย ขึ้นรถแห่บริเวณหมู่บ้านพงษ์ศิริชัย 4 เคลื่อนขบวนเข้าศูนย์การค้าหนองแขม ทะลุออกถนนเพชรเกษม ไปยังเขตตลิ่งชัน ตลอดเส้นทางมีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูป และพูดคุยให้กำลังใจ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย ไม่ได้มาเพื่อให้ตัวเองชนะ หรือเพื่อให้ได้อำนาจ แล้วแบ่งกันแสวงหาผลประโยชน์ แต่มาเพราะมองเห็นปัญหา จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจเข้ามาสร้างชัยชนะให้ประชาชน วันนี้ต้องยุติการเมือง 2 ขั้ว เพราะไม่ว่าขั้วไหนได้รับชัยชนะ ท้ายที่สุดผู้แพ้คือประชาชน สะท้อนให้เห็นจาก 17 ปีที่ผ่านมา พี่น้องคนไทยมีชีวิตที่ยากลำบาก เราต้องทำให้ประชาชนกลับมาชนะ จุดยืนของพรรคไทยสร้างไทย คือความเป็นประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาพรรคการเมืองที่สร้างเงื่อนไขทำให้เกิดความขัดแย้ง

ดัน “คาแนล ทาวน์” บูมฝั่งธนฯ

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ตลาดน้ำตลิ่งชัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย น.ส.ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือน้องจินนี่ และผู้สมัคร ส.ส.ฝั่งธนบุรี อาทิ นายธวัชชัย ทองสิมา ผู้สมัคร ส.ส.เขตจอมทอง นายกิติ วงษ์กุหลาบ ผู้สมัคร ส.ส.บางแค ร่วมล่องเรือพบปะประชาชนตามแนวคลองต่างๆในเขตฝั่งธนบุรีและศึกษาแนวทางการสร้างรายได้ให้ชาวฝั่งธนบุรี โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมักมาแบบ one day trip เพื่อล่องเรือ เที่ยวตลาดน้ำ แวะไหว้พระที่วัด แต่ที่จริงฝั่งธนฯมีคลองอีกหลายสายที่ยังสมบูรณ์ น้ำไม่เน่าเสีย มีสิ่งมีค่าที่น่าสัมผัสอย่างยิ่งคือวิถีชีวิตริมคลอง ฝั่งพระนครมีเยาวราชเป็นไชน่าทาวน์ พรรค ทสท.จะผลักดันให้ฝั่งธนฯมี “Canal town” เป็นเป้าหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาพักผ่อนยาวๆที่โฮมสเตย์ริมคลองบรรยากาศไทยๆ จากนั้นคณะคุณหญิงสุดารัตน์ไปที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ นำผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฝั่งธนบุรี กราบพระขอพร ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับนายณัฐวัฒน์ พอใช้ได้ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางพลัด

พปชร.ย้ำปฏิรูปโครงสร้างพลังงาน

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯพรรคพลังประชารัฐ ติดตามห่วงใยการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับ กทม.ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร ไม่ประมาท พักผ่อนให้เพียงพอ หากอ่อนเพลียให้หยุดพัก เมาไม่ขับ เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้งในการคมนาคมและการขนส่ง โดยจะทำทันทีที่พรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล เช่น การปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน 18.07 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซล 6.37 บาทต่อลิตร และก๊าซหุงต้มเหลือถังละ 250 บาท รวมทั้งค่าไฟฟ้าที่จะถูกลงอีกด้วย ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้ให้ประชาชน ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาเรือน พร้อมฝากประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรคทุกเขต

พช.บุกสยามฯชูธงต้านขุนศึกนายทุน

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สยามสแควร์ น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) พร้อมนพ.เรวัต วิศรุตเวช แคนดิเดตนายกฯของพรรค และน.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ปทุมวัน สาทร ราชเทวี ลงพื้นที่พบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกับคนรุ่นใหม่และวัยรุ่นย่านสยามสแควร์ บรรยากาศคึกคัก โดย น.ส.ปวิศรัฐฐ์กล่าวถึงนโยบายการศึกษาว่า เน้นการศึกษาที่ควรถูกวางรากฐานตั้งแต่แรกเกิดให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเท่าเทียม ทั้งคุณภาพการศึกษา การใช้ชีวิตในสถานศึกษา อาหารกลางวัน ไม่ว่าโรงเรียนในเมืองหรือต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นฐานด้านภาษาที่เด็กๆทุกคนควรต้องได้รับความรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก เพื่อใช้ต่อยอดเรียนรู้ การศึกษาต่อ และทำงานในอนาคตเท่าเทียมกับเด็กนานาประเทศ

นพ.เรวัตกล่าวว่า ติดตามข่าวสารพรรค พช.อาจถูกมองว่าเป็นไก่รองบ่อน แต่พรรคขนาดเล็กก็ทำประโยชน์ให้ประเทศได้ เหมือนที่เป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนช่วงโควิด วันนี้พรรค พช.ได้รับการปฏิบัติจากสื่ออย่างไม่เท่าเทียม เวลาเสนอนโยบายอะไรดีๆไม่ได้รับความสนใจนำเสนอ โชคดีมีสื่อบางส่วนให้ความเป็นธรรมนำเสนอนโยบายพรรคพช.อยู่บ้าง สอดคล้องกับจุดยืนพรรคต้องการกำจัดนายทุนขุนศึกที่เอาเปรียบประชาชน เพิ่มโอกาสให้คนธรรมดาตาดำๆได้ลืมตาอ้าปาก จะหาวิธีการลดสิทธิพิเศษ ความได้เปรียบของนายทุน เพิ่มโอกาสให้คนทั่วไปได้เข้าถึงโอกาส ลดช่องว่างคนจนคนรวยให้แคบลงให้ได้

กกต.เตือนห้ามเลียนแบบบัตรเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 11.10 น. สำนักงาน กกต.เผยเเพร่เอกสารข่าวระบุว่า สำนักงาน กกต.ย้ำเตือนข้อพึงระวังในการหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองตามที่สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสีบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ให้ทราบโดยทั่วกัน จึงขอย้ำเตือนผู้สมัคร และพรรคการเมืองควรพึงระวังในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยผู้สมัครและพรรคการเมืองสามารถจัดทำเอกสารที่มีการกากบาทในช่องลงคะแนน เลือกตั้งให้กับตนเองเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเองได้ แต่การจัดทำเอกสารดังกล่าวต้องไม่มีขนาดลักษณะ หรือสี ที่คล้ายกับบัตรเลือกตั้ง ทั้งนี้ กกต.อาจนำมาเป็นเหตุในการสืบสวนหรือไต่สวนตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาดได้สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการหาเสียงได้จากระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565

ดุสิตโพลชี้ “อิ๊ง”เหมาะกู้ซากเศรษฐกิจ

วันเดียวกัน “สวนดุสิตโพล” สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กรณี “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” ในสายตาประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 1,274 คน ระหว่างวันที่ 11-14 เม.ย. พบว่า เมื่อพิจารณาตามประเด็นต่างๆ คนที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯในความเห็นของประชาชน คือ 1.ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 25.35 2.ช่วยสร้างสังคมให้มีความสุข น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 22.29 3.ช่วยปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 34.90 4.ช่วยการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 20.91 5.ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต สวัสดิการประชาชน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 25.36 6.ช่วยส่งเสริมพัฒนาด้านการศึกษา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 22.24 7.ช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 19.42 8.ช่วยประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้ราบรื่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 19.24 9.ประสานระหว่างประชาชนกับทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 20.19 10.ช่วยจรรโลงศาสนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 16.24 11.ช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันกับอารยประเทศ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 24.38