รถแห่ล้อหมุน ประชันเปิดเพลงหาเสียง ผ่านพิธีกรรมยื่นใบสมัครชิง ส.ส.เขตต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เท่ากับ “ม้าติดเบอร์” ออกตัวจากจุดสตาร์ต มวยแต่ละป้อมค่ายได้หมายเลขประจำตัว ลุยโหมดหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในห้วงเวลาเดือนกว่าๆนับแต่นี้ไปจนถึง 17.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม 2566

“นักเลือกตั้งอาชีพ” ต้องตระเวนบก ตระเวนน้ำ มุดตรอก ซอกซอย แข่งกันทำแต้ม

สีสันบรรยากาศตามธรรมชาติประชาธิปไตยแบบไทยๆ “ไม้ประดับ” หรือ “เต็งหาม” ตามฟอร์มที่เซียนข้างสนามวางราคาเดิมพัน แต่ ณ ตอนนี้ต้องถือเป็นผู้สมัคร ส.ส.เท่ากัน

การเมืองลูกกลมๆมันมีโอกาสพลิกล็อกถล่มทลายได้เห็นมานักต่อนัก

โดยเฉพาะปัจจัยพลิกผันกะทันหัน ตัวแปรที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนไม่ทันตั้งตัว ตามเงื่อนไขสถานการณ์แบบที่เกิดขึ้นในสมรภูมิเลือกตั้งปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ

จากการสูญเสีย “เสี่ยเอ๋” นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แม่ทัพคนสำคัญ

ในจังหวะเกมการเลือกตั้งกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม อาการแบบที่นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรฯ พ่อบ้านใหญ่ของอาณาจักร “บ้านขาว” ยอมรับสภาพเหมือน “เรือขาดคนถือหางเสือ” ทีม “สมุทรปราการก้าวหน้า” ในสีเสื้อค่ายพลังประชารัฐ ต้องจัดรูปขบวนทัพกันใหม่

ปฏิเสธไม่ออกว่าก๊วนปากน้ำ “เสียขวัญ” ไปตามๆกัน

นั่นยังมาเจอซ้ำด้วยปรากฏการณ์ที่เหมือนบังเอิญจงใจ จังหวะกำลังระส่ำระสาย “นิด้าโพล” เป็นสิงห์ปืนไว ล้อตามกระแส

เปิดผลสำรวจ “คนสมุทรปราการ เลือกพรรคไหน” ตัวเลขออกมา อันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทย ตามด้วยพรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ

...

ทิ้งขาดยี่ห้อพลังประชารัฐ แชมป์เก่าเจ้าของพื้นที่ หล่นไปอยู่ท้ายตาราง

โดยเป็นการทำการสำรวจระหว่างวันที่ 22-23 มีนาคม 2566 ก่อนเกิดเหตุสูญเสียนายชนม์สวัสดิ์ ตามสถิติโพลชัดเจนเลยว่า การมีหรือไม่มี “เสี่ยเอ๋” ทีม “บ้านขาว” ในสีเสื้อพลังประชารัฐ ก็เป็นรองอยู่ดี

แต่ “โพล” ก็ส่วน “โพล” หน้าแหกหมอไม่รับเย็บมานักต่อนัก

ที่แน่ๆต้องวัดน้ำหนักกันระหว่างกลุ่มตัวอย่างใน “นิด้าโพล” 1,100 หน่วย กับหนึ่งเสียงเข้มๆขลังๆของ “ประมุขบ้านขาว” อย่างนายวัฒนา อัศวเหม ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้ส่งคลิปเสียงความยาว 1 นาที 10 วินาที พร้อมกับร่อนจดหมายเปิดผนึก เปิดดังๆกลางงานศพลูกชาย

สะท้อนอารมณ์ในฐานะพ่อ ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญ

แต่ยืนยันชัดๆ การเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติจะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่

อ่อนล้าหรือท้อถอย ขอพี่น้องชาวสมุทรปราการ จงยึดมั่นและเชื่อมั่นในผลงานทีมบริหารของเรา เราจะได้ร่วมงานเพื่อท้องถิ่นและเพื่อชาติของเราอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน

ผู้เฒ่าม้าทองคำ “ประมุขบ้านขาว” ส่งสัญญาณข้ามประเทศ คุมเกมรบเอง

ตามจังหวะรีบสยบแรงกระเพื่อม กลบอาการระส่ำระสายของลูกข่ายทีมปากน้ำ กระตุกขุมข่ายนักการเมืองท้องถิ่น หัวคะแนนทีมสมุทรปราการก้าวหน้าให้อยู่ในแถว

แนวโน้มตรงกับที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ที่พูดชัดๆหลังเป็นประธานสวดศพนายชนม์สวัสดิ์ ขอให้ทีมปากน้ำของค่าย พปชร.รวมพลังสู้เพื่อ “เสี่ยเอ๋”

“บิ๊กบราเธอร์-ประมุขบ้านขาว” แท็กทีมบล็อกเขื่อนปากน้ำไม่ให้แตก

เน้นระบบอุปถัมภ์ ล็อก “แต้มจัดตั้ง” ฟัดกับกระแสแลนด์สไลด์

สมุทรปราการฐานกำลังหลัก พื้นที่ยุทธศาสตร์ความหวังของพลังประชารัฐ ปล่อยแพ้ไม่ได้ ไฟต์บังคับ “บิ๊กป้อม” เจอเหตุพลิกผันแบบกะทันหัน สูญเสีย “เสี่ยเอ๋” ขุนศึกคนสำคัญ ต้องกู้สถานการณ์กันหัวปั่น

แต่ถือว่า กู้เกมได้เร็ว ทันสถานการณ์

นั่นว่ากันในมุมของเรื่องบังเอิญ ที่ “บิ๊กป้อม” ต้องกู้เกมแบบฉุกเฉิน มันยังไม่นับรวมปรากฏการณ์ที่อ่านธงได้ว่าเป็นความจงใจ กับช็อตที่ม็อบต้าน ม.112 ภายใต้การนำของ “แบม-ตะวัน” นักเคลื่อนไหวคนดัง นำทีมบุกเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ

เกิดเหตุปะทะกับการ์ด ทีมรักษาความปลอดภัย

ต่อเนื่อง “แบม-ตะวัน” ยังตามไปตะโกนเรียก “ป้อม ป้อม ป้อม” ทวงถามนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง

แกล้งย้อนคอหอยปมที่คนโดนขังจากคดีละเมิด ม.112

เรื่องของเรื่อง เหตุบังเอิญทำสะดุดก็เรื่องหนึ่ง แต่ช็อตจงใจของม็อบเด็กทะลุฟ้า ที่เดินหน้าลุยกระตุกแรงเสียดทาน พุ่งเป้าโฟกัสไปที่ “บิ๊กป้อม” หนักหน่วงกว่าใคร ทั้งที่ไม่ติดอันดับโพลนายกฯ

ในอีกมุมหนึ่งมันก็แปลสัญญาณตามธรรมชาติเกมอำนาจ สถานะ “ตัวเต็ง” ตามเงื่อนไขเอื้อให้

หนีไม่พ้นต้องโดนไล่ “เจาะยาง” ให้สะดุดกลางทาง.

ทีมข่าวการเมือง