“หมอวรงค์” หอบ "หญ้าเนเปียร์" โชว์ สู้ รื้อระบบพลังงานฟอสซิล ลด PM 2.5 ขณะ “ถาวร” ย้ำ 3 นโยบายหลัก เน้นปราบโกง ป้องสถาบัน ตั้งเป้าได้ 25 ส.ส.
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. พรรคไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรคไทยภักดี นายทินกร ปลอดภัย ผู้อำนวยการพรรคไทยภักดี พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคทั้ง 33 เขต เดินทางมาที่ศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อเข้าสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.
ซึ่ง นพ.วรงค์ ถือกอหญ้าเนเปียร์ เพื่อสื่อสารถึงนโยบายพืชพลังงาน นำผู้สมัครเดินเข้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 ก่อนการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร
...
โดย นพ.วรงค์ กล่าวว่า นำผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคมาลงสมัคร และขอขอบคุณกำลังใจจากประชาชน เราพรรคไทยภักดี เป็นพรรคที่ใช้หัวใจและใช้อุดมการณ์ในการต่อสู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศทุกมิติ ทั้งการปราบโกง ทั้งการปฏิวัติโครงสร้างพลังงานสะอาด นำไปสู่ค่าครองชีพราคาถูก และยึดดาวเทียมมาเป็นกิจการของรัฐ สุดท้ายร่วมกันปกป้องสถาบันเบื้องสูง ทั้งนี้พืชหญ้าเนเปียร์เป็นหญ้าที่นำมาผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นพลังงานสะอาด ที่นำไปสู่ค่าไฟฟ้าราคาถูก ก๊าซหุงต้มราคาถูก ปุ๋ยราคาถูก แทนพลังงานฟอสซิลปัจจุบันที่มีราคาแพง ทำให้ต้นทุนทุกอย่างแพง การต่อสู้ของพรรคไทยภักดีหวังเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่การปลดหนี้ของเกษตรกร สังคมไทยต้องการพลังงานสะอาด ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดี และนี่คือ พลังงานสะอาด มีส่วนในการลดฝุ่นพิษ PM 2.5 และไม่มีผลต่อสภาพแวดล้อม ขอพี่น้องประชาชนเลือกคนของพรรคไทยภักดี โดยตั้งเป้า ส.ส.ของพรรคไว้ 25 ที่นั่งทั่วประเทศ ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อสามารถเสนอชื่อนายกฯ ตามบัญชีของพรรคได้
ด้าน นายถาวร กล่าวว่า พรรคมีนโยบายหลัก 3 เรื่องใหญ่ คือ 1. นโยบายปกป้องสถาบันหลักของชาติ ที่ถูกบั่นทอนและถูกแทรกแซงจากนักการเมือง ซึ่งจะเห็นได้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศไทย แต่ผู้ที่สร้างความเดือดร้อนและความเสียหายให้กับประเทศ คือ นักการเมือง 2. นโยบายป้องกันการปราบปรามการทุจริต ซึ่งจะเห็นได้ว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย นำมาสู่ความเสียหายอย่างมหาศาล คือการทุจริต ที่มีทุกหย่อมหญ้า ซึ่งเราจะทำการแก้กฎหมายในเรื่องของคดีทุจริตต้องไม่มีอายุความ, ยกเลิกแบงก์ 1,000 และสนับสนุนให้ใช้เงินผ่านมือถือ, แก้กฎหมายให้ผู้ถูกเรียกสินบนเป็นผู้เสียหาย และ 3. นโยบายปฏิวัติโครงสร้างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหาความยากจน รวมทั้งระบบการศึกษาของประเทศไทย.