“อภิสิทธิ์” ไปหนองแขม ช่วย “วัชระ เพชรทอง” หาเสียง แนะ ผู้สมัคร ส.ส.ต้องมีจุดขายของตัวเอง ไม่ขึ้นเวทีใหญ่ 7 เม.ย. แต่เดินสายช่วยลูกพรรค ชี้ บัตร 2 ใบ พรรคเสียเปรียบ แต่ประชาชนมีทางเลือกเพิ่ม 

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 1 เม.ย. 2566 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่ช่วยนายวัชระ เพชรทอง ว่าที่ผู้สมัคร กทม.เขตที่ 29 หนองแขม บางแค รณรงค์หาเสียงที่ศูนย์การค้าหนองแขม โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนที่มาจับจ่ายตลาดเช้า รวมทั้งบรรดาพ่อค้า แม่ค้าในตลาดต่างขอถ่ายรูปกับนายอภิสิทธิ์ บางคนระบุเป็นแฟนคลับมานานดีใจที่ได้เจอตัวจริงนอกจากนี้ ยังมีแฟนคลับจากต่างประเทศเป็นคุณแม่ชาวไทยลูก 4 ที่กลับมาเที่ยวเมืองไทยมาขอถ่ายรูปด้วย

...

โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลยุทธ์ในการหาเสียงในพื้นที่นี้จุดขายคือ นายวัชระ ที่มีความเสมอต้นเสมอปลายในการลงพื้นที่ และเป็นปากเสียงในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน ทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของ ส.ส. ขณะที่นายวัชระได้ทำงานตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็พร้อมตรวจสอบและต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า ทุกเขตเลือกตั้งมีทั้งความนิยมของพรรคและตัวผู้สมัครแตกต่างกันไป แต่ละเขตผู้สมัคร ส.ส.ต่างมีจุดแข็งของตัวเอง โดยเฉพาะนายวัชระที่สังคมรับทราบถึงบทบาทในการทำหน้าที่ผู้แทนฯ มีปากเสียงให้กับประชาชนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ในการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ กทม.ของพรรค ปชป. ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ จะไปร่วมด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนติดภารกิจที่ต่างจังหวัด จึงไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยด้วย แต่ยังมีอีกหลายเวทีในพื้นที่ต่างๆ ที่ตนพร้อมช่วยปราศรัย ขึ้นอยู่กับพรรคจะประสานมา รวมถึงการปราศรัยใหญ่ในเวทีต่างจังหวัด โดยวันอังคารที่ 4 เม.ย.นี้จะลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงให้ทีมผู้สมัคร ส.ส. ปชป.ที่จังหวัดกระบี่ ส่วนวันที่ 3 เม.ย. ที่เป็นวันเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ตนจะไปขึ้นรถแห่หาเสียงช่วย ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง หรือเอิร์ธ ที่เขตคลองเตยในช่วงบ่าย

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงความแตกต่างของการเลือกตั้งปี 62 กับปี 66 ว่า ระบบเปลี่ยนไป จากบัตรใบเดียวเป็นบัตรเลือกตั้งสองใบ ที่หลายคนคุ้นเคยระบบนี้มาตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งการเลือกตั้งที่ใช้บัตรสองใบ จะมีผลกระทบกับทุกพรรคการเมือง บางพรรคอาจจะได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ ในส่วนของพรรค ปชป. เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนจำนวน ส.ส.เขตที่ได้รับเลือกตั้ง จะได้ต่ำกว่าคะแนนที่ได้รับ พร้อมยกตัวอย่างเช่น ถ้าได้คะแนน 20% ที่นั่ง ส.ส.จะไม่ถึง 20% ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้บัตรสองใบ พรรคอาจจะเสียเปรียบนิดหน่อย เพราะถ้าระบบบัตรใบเดียว ถ้าได้ 20% ก็จะได้ที่นั่ง 20%เท่ากัน แต่การเลือกตั้งบัตรสองใบ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกว่า จะเลือก ส.ส.เขตกับพรรคการเมืองซึ่งอาจจะมีบางพื้นที่ ส.ส.เขตอาจจะทำได้ดีกว่าพรรค

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าพรรค ปชป. จะคัมแบ็กในพื้นที่ กทม. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้บริหารตั้งเป้าไว้แบบนั้น เรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด ส่วนกระแสตอบรับจากการลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัยของพรรค ปชป.ที่ใต้สะพานพระราม 8 เมื่อวันที่ 29 มี.ค. พบว่า ชาว กทม.จำนวนไม่น้อยยังมีความผูกพันและเห็นคุณค่าของพรรค ปชป.ในระบบการเมือง รวมถึงหลายพื้นที่มีบุคลากรที่เคยทำงาน ประชาชนก็ยังผูกพันอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าถามว่า จะต้องชนะหรือไม่ ก็ไม่แน่ แต่ต้องทำงานกันหนักต่อเนื่องจนถึงวันเลือกตั้ง