“อนุทิน” ปราศรัยช่วย “เอกภพ” สายไหมต้องรอด หาเสียง ลั่น ไม่เคยมองเป็นศัตรู ขอบคุณช่วยให้ตาสว่าง พร้อมขอโอกาสเป็น ส.ส. ชี้ กรุงเทพฯ ต้องรอดและต้องรวย “พุทธิพงษ์” มั่นใจแซงที่ 1 ของโพลได้
ช่วงเย็นของวันนี้ (29 มี.ค. 2566) พรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยหาเสียงที่หอประชุมโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรค และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. เพื่อช่วย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน) หาเสียงและพบปะประชาชน
นายพุทธิพงษ์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เขตนี้มีคนจองตั้งแต่ไก่โห่ ตนเองเป็นคนทาบทาม นายเอกภพ มาทำงานกับพรรคภูมิใจไทย พอมาถึงก็หักปากกาเซียน เพราะเจอ นายเอกภพ ช่วงโควิด-19 ออกโทรทัศน์ตลอดจากเพจสายไหมต้องรอด วันนั้นเขาทำด้วยจิตอาสา อยากช่วยประชาชน ตอนแรกก็เฉพาะที่เขตสายไหม แต่ปรากฏว่าช่วยไปช่วยมาก็ไปช่วยเขตอื่นๆ และช่วยคนทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ กทม. วันนี้ นายเอกภพ ดังระดับประเทศเพราะช่วยเหลือคน มั่นใจว่าเป็นคนทำงาน มีผลงาน ปัญหาเขตสายไหมที่สำคัญ คือโรงพยาบาลรัฐมีแห่งเดียวคือโรงพยาบาลภูมิพล ซึ่งไม่พอเพียง ควรมีโรงพยาบาลเพิ่ม ส่วนรถเมล์ก็มีเพียงสายเดียวเท่านั้น วันนี้เรารู้ปัญหาและพร้อมแก้ปัญหา ถ้าไม่มั่นใจนโยบายว่าเราทำได้หรือมีงบประมาณ ถ้าทำไม่ได้คงโดนกระทืบแน่นอน
...
“ผมถามว่ามีหัวหน้าพรรคอื่นๆ มาที่เขตสายไหมหรือไม่ และที่บอกว่านอนมาๆ ถามว่าพระนำมาหรือเปล่า ผมขอกราบเรียนว่าดูจากโพลต่างๆ ยังไม่ได้เริ่มออกสตาร์ต วันนี้ภูมิใจไทยทั้งประเทศมาอันดับ 2 แล้ว ถ้านโยบายดี บุคคลดี แต่ไม่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลก็ต้องรอไปอีก 4 ปี แต่วันนี้โพลบอกว่าเราอยู่อันดับ 2 เมื่อถึงใกล้เลือกตั้ง แซงอันดับ 1 แน่ และก็จะได้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน วันนี้ยังไม่เริ่มสตาร์ตก็บอกว่าเราได้ ส.ส. 70 คนแล้ว ดังนั้น ขอให้พี่น้องเลือกเรา และไม่ใช่เลือกแล้วไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะไม่เช่นนั้นนโยบายต่างๆ 3-4 ปีก็ไม่สำเร็จ”
นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อไปว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ในพื้นที่ภาคใต้ พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส. 10 คนขึ้นไป เพราะคนใต้เห็นผลงาน การพัฒนาที่ก้าวหน้าของพรรคภูมิใจไทยที่พูดแล้วทำ
ขณะที่ นายสรอรรถ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า เขตสายไหมบางพรรคตัวจริงไม่ลง เอาตัวสำรองมาลง มีการมาพูดยืนยันกันว่าเขตนี้เป็นของพรรคการเมืองหนึ่งแน่นอน แต่คงลืมว่าเขตนี้มีผู้สมัครชื่อเอกภพ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนในเขตนี้อยากได้นายเอกภพ เป็นผู้แทน ส่วนหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลายท่านสงสัยว่ามีดีอะไรจะเป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้ลองเอาชื่อทุกคนมาเทียบดูจะพบว่าไม่มีใครเทียบได้ คนปัจจุบันก็ทำมานานแล้ว วันนี้ขอให้โอกาสคนรุ่นใหม่อย่างนายอนุทินได้ทำหน้าที่บ้าง ประเทศไทยไม่มีเวลามาทดลองผู้นำ เพราะเราสูญเสียเวลาไปมากแล้ว ซึ่งนายอนุทินประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ เป็นคนที่มีความสามารถ และมีความคิดเด็ดเดี่ยว
จากนั้น นายอนุทิน ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า พรรคภูมิใจไทยมีประสบการณ์ทำงานในการบริหารบ้านเมืองมา 10 กว่าปีแล้ว เราไม่ใช่พรรคตั้งใหม่ เราทำงานโดยเชื่อว่าประชาชนเป็นกำแพงอันเข้มแข็งหนุนหลังอยู่ จึงกล้าประกาศว่าเป็นพรรคพูดแล้วทำ เมื่อได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน เราสามารถผลักดันนโยบายทุกนโยบายได้สำเร็จ ทุกนโยบายไม่ยุ่งยาก สามารถปฏิบัติได้เลย และทุกนโยบายแก้ปัญหาและสร้างประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง ส่วนเขตสายไหม ขอโอกาสพี่น้องให้เลือกนายเอกภพ ได้เข้าไปทำงานให้พี่น้องประชาชนทุกคน
“ผมกับนายเอกภพ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผมทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข มีลูกน้องมาบอกผมว่า เพจสายไหมต้องรอด โพสต์บอกว่าผมทำงานไม่เป็น ทอดทิ้งประชาชน ถ้าเป็นคนอื่นคงโกรธและสวนไปแล้ว แต่อนุทินรับฟังทั้งหมด ที่จริงแล้ว กทม. กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ดูแล เพราะ กทม. มีสำนักการแพทย์ ถ้าเราเข้าไปเราก้าวก่าย แต่พอเกิดโควิด-19 เราขีดเส้นแบบนั้นไม่ได้ ต่อให้มีกฎอะไร แต่ในช่วงฉุกเฉินสาธารณสุขต้องเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วค่อยไปเถียงกับเขาทีหลัง ถ้าเป็นคนอื่นๆ นายเอกภพ ต้องโดนอวตาร โดนไอโอมาอัดเอกภพ อัดสายไหมต้องรอด และแก้ตัวให้กระทรวงสาธารณสุข แต่ส่วนตัวผมเมื่อได้อ่านข้อความเหล่านั้น ผมสั่งให้ตระเวนหา และเร่งแก้ไขปัญหา ผมมองว่าเอกภพคอยดึงผม ดุด่าว่าผม ผมไม่มองเป็นศัตรู แต่ต้องขอบคุณที่ทำให้ผมตาสว่างขึ้น แบบนี้เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส ผมรักเอกภพในการเป็นคนมีจิตใจเพื่อสาธารณะ”
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังระบุต่อไปว่า ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยเข้าไปเยอะๆ จะทำให้เกิดปรากฏการณ์เอกภพ-อนุทิน ตนไม่นิยมการทะเลาะกันโดยที่ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวกันมาก่อน มาชกกันก่อนเหตุผลว่ากันทีหลัง แบบนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้แล้ว วันนี้เราสวมเสื้อตัวเดียวกันได้ คือแนวโน้มที่ดีในเมื่อนายเอกภพมาได้ คนอื่นก็สมานฉันท์ได้ ประชาชนก็สบายใจ วิธีเดียวคือต่างถอยกันคนละก้าว และชื่นชมสิ่งที่เป็นประโยชน์ของคนคนนั้น เราไม่ทะเลาะ ไม่ขัดแย้ง แต่จะพยายามเชื่อมความสัมพันธ์ให้ได้ สายไหมต้องรอด กรุงเทพฯ ก็ต้องรอด ประเทศไทยก็ต้องรอด รอดอย่างเดียวไม่พอ ต้องรวย ต้องสุขภาพดี และต้องรักกันด้วย
“หวังว่านายพุทธิพงษ์ จะคลอดแฝด 10 ให้พรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ กทม. คนโตขอให้เป็นนายเอกภพ และนอกจากชื่อภูมิใจไทยแล้ว ขอเป็นภูมิใจกรุงเทพฯ ด้วย”