ถอดรหัสปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงโค้งสุดท้าย ทำไปทำมา พลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติ กลายเป็นคู่แข่งกันโดยปริยาย ทั้งๆที่เป็นปลาน้ำเดียวกัน อยู่ในข้องเดียวกันมา ปัจจุบันกลายเป็นคู่ชิงแคนดิเดตนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย ที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องผลักดันให้ได้ ส.ส.เข้าสภาให้มากที่สุด
ตัดกำลังกันเอง
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ความเห็นว่า รวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคน้องใหม่ ถึงคนจะหน้าเก่า แต่คะแนนนิยมกลับดีวันดีคืน ดีกว่าพรรคเก่าแก่และพรรคที่มีฐานการเมืองเดิมด้วยซ้ำ มั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เข้ามาเกินกว่าเป้า โดยเฉพาะคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากประกาศความชัดเจนทางการเมือง ความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คะแนนนิยมของพรรคดีขึ้นตามไปด้วย
ที่เก๋าเกมการเมือง ต้องยกให้ครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ชาญวีรกูล แห่งพรรคภูมิใจไทย วันหนึ่งไปนั่งกินข้าวกับ พล.อ.ประวิตร ชิงตัดหน้าว่า ได้คุยเรื่องสถานการณ์การเมือง และจับขั้วการเมืองกันเรียบร้อย และยังไปให้สัมภาษณ์สื่อกับรวมไทยสร้างชาติ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คุยกันอยู่ ทำนอง 2+2 คือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯได้อีกแค่ 2 ปี ใครจะเป็นนายกฯครึ่งแรกครึ่งหลัง และ อนุทิน ย้ำว่าพร้อมที่จะเป็นนายกฯแล้ว
ภาพที่ออกมากลายเป็นว่า ภูมิใจไทย คือพรรคโซ่ข้อกลาง ของทั้งรวมไทยสร้างชาติ และ พลังประชารัฐ นั่นหมายถึงได้เสียงของ ส.ว. 250 เสียง ในสภาที่กางมุ้งรออยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตถ้าจะต้องเทคะแนนแข่งกับ เพื่อไทย กันจริงๆ ภูมิใจไทย ก็น่าจะเหมาะสมที่สุด สำหรับทั้งผู้สนับสนุนระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้า แคนดิเดตนายกฯมี 3 คนตามกฎรัฐธรรมนูญ อนุทิน ก็คือแคนดิเดตนายกฯคนที่สามในขั้วนี้
...
และเป็นการตีความได้ว่า การร่วมรัฐบาลระหว่าง เพื่อไทย กับ ภูมิใจไทย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน แค่ นโยบายกัญชา เรื่องเดียวก็ไปคนละทางแล้ว การเมืองจะแบ่งเป็นสองขั้ว หลังสลายอำนาจสาม ป. ก็คือ ขั้วภูมิใจไทยกับเพื่อไทย เท่านั้น
จากแนวคิดพรรคขนาดกลาง ที่พร้อมจะจับมือตั้งรัฐบาลกับทุกฝ่าย วันนี้ภูมิใจไทยกำลังจะแปลงร่างเป็น แกนนำขั้วอำนาจ เต็มตัว ที่ต้องมีเป้าหมายไกลกว่าการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาอีกไม่ถึง 60 วัน
ปรากฏว่ามีนักวิเคราะห์นำผลโพลที่นิด้าโพลสำรวจความเห็นรอบแรก ว่าพรรคไหนชาวบ้านจะเลือกเข้ามากี่เปอร์เซ็นต์ มาคิดเป็นคะแนนดิบ เพื่อไทยได้ ส.ส.และบัญชีรายชื่อรวมกัน 300-310 เสียง หาเสียงสนับสนุนอีก 66 เสียงก็ตั้งรัฐบาลได้ ส่วนขั้วรัฐบาลปัจจุบันรวมกันแล้วอยู่ที่ 150-180 เสียง จุดแตกหักในการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลก็ยังอยู่ที่พรรคขนาดกลางและขนาดย่อมและ ส.ว.อยู่ดีจากความพยายามที่จะจับแพะชนแกะของฝ่ายการเมือง
ที่ยังมีพลิกแพลงได้อีกหลายตลบ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th