โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ยินดี ผลักดันกฎหมาย กยศ.สำเร็จ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ววันนี้ (20 มีนาคม 2566) สร้างความเป็นธรรม ขยายโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม
วันที่ 20 มี.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีและขอบคุณการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการมีส่วนร่วมผลักดันพระราชบัญญัติ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 ให้สำเร็จ โดยมีผลบังคับใช้แล้ววันนี้ (20 มีนาคม 2566) ถือเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาล ในการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้กู้ยืมเงินและผู้ค้ำประกัน ขยายโอกาสในการเข้าถึงการศึกษามากขึ้น พร้อมส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาบุคลากรของประเทศชาติเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 สาระสำคัญของ "พ.ร.บ.กยศ." ฉบับนี้ อยู่ที่ มาตรา 18 และ 44 เกี่ยวกับการคิดอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมกองทุน กยศ.โดยบัญญัติให้เก็บดอกเบี้ยไม่เกิน 1% และคิดค่าปรับการผิดนัดชำระหนี้ ที่ไม่เกินร้อยละ 0.5% (จากเดิมที่กำหนดให้เก็บดอกเบี้ยไม่เกิน 7.5% ต่อปี และคิดค่าปรับการผิดนัดชำระหนี้ ไม่เกินร้อยละ 1.5% ต่อเดือน) ซึ่งกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ จะใช้ทั้งกับผู้กู้ยืมเงินรายใหม่ ผู้ชำระหนี้คืนอยู่ และผู้ค้ำประกันในปัจจุบันด้วย โดยมีประเด็นสำคัญ 3 ประเด็น ดังนี้
1.) ผู้กู้ยืม กยศ.จะสามารถเลือกประเภทของการศึกษาที่หลากหลายมากขึ้น โดยครอบคลุมการศึกษาในหลักสูตรอาชีพ เพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ (Reskill/Upskill) และการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning)
...
2.) การกู้ยืมเงินจะสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี โดย กยศ.จะช่วยให้ข้อมูลแก่นักเรียนหรือนักศึกษา ประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกสาขาที่เรียน เพื่อวางแผนอนาคต รวมทั้งสามารถขยายให้กู้ยืมเงินเรียนได้เกินเวลาที่หลักสูตรกำหนด หากมีความจำเป็น
3.) แก้ไขโครงสร้างสินเชื่อ เพื่อให้ผู้กู้ยืมสามารถชำระหนี้ได้ตามกำลังและความสามารถในการหารายได้ สร้างวินัยในการชำระเงินคืนกองทุน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับกองทุน โดยกำหนดให้มีระยะเวลาปลอดหนี้, เลือกผ่อนชำระเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปีได้, ตัดชำระหนี้จากต้นเงินดอกเบี้ยและเงินเพิ่ม รวมทั้งช่วยผ่อนผันการชำระหนี้ได้ทุกช่วงเวลา
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการศึกษาของเยาวชนไทยในลำดับต้นตลอดการทำงานที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำว่า ประชาชนต้องสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.กยศ. ฉบับที่ 2 นี้ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ทั้งผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน ช่วยให้การชำระหนี้มีความเป็นธรรม สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมการศึกษาในทุกประเภท เพื่อรองรับการเรียนรู้ โดยถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาลในการพัฒนาบุคลากรที่เปรียบเสมือนอนาคตของประเทศชาติต่อไป” นายอนุชา กล่าว...