การที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร แถลงถึงเหตุผล ของการย้ายพรรคจาก พลังประชารัฐ ไปอยู่ เพื่อไทย ค่ายเดิม คนเดิม ก็เพราะในฐานะเป็น รมต.เศรษฐกิจ และร่วมทำงานกับพลังประชารัฐมากว่า 4 ปีแล้ว พบว่าการทำงานค่อนข้างจะมีอุปสรรค โดยเฉพาะที่ พลังประชารัฐ เป็นแกนนำรัฐบาลแท้ๆ แต่ไม่สามารถ ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพในรัฐบาลได้เนื่องจากมีการต่อรองโควตาตำแหน่งทางการเมืองมากเกินไป จนทำให้พลังประชารัฐ ไม่ได้คุมกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชนพึงพอใจได้ นโยบายหลายเรื่องที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนก็ไม่สามารถผลักดันได้

สิ่งที่จะต้องทำให้เร็วที่สุด คือการประคับประคองความเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจภาพรวมให้ดีขึ้นโดยเร็ว เพราะทุกวันนี้ จีดีพีของประเทศแทบจะต่ำที่สุดในอาเซียนแล้ว ดังนั้นเพื่อจะสร้างเอกภาพในการทำงานได้ จึงต้องมองพรรคการเมืองที่จะเดินหน้าแลนด์สไลด์ ซึ่งก็หมายถึงพรรคเพื่อไทย ที่จะเป็นทางออกของประเทศได้

สิ่งที่ สุริยะ พูดก็คือ สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของพลังประชารัฐ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นจุดอ่อนของ การเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค มากเกินไป ทำให้การทำงานไม่เป็นเอกภาพและมีการต่อรองอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะ กระบวนการตรวจสอบภายในรัฐบาลเอง แม้แต่ผู้นำประเทศก็ไม่กล้าที่จะชี้ขาดอะไรชัดเจน

ยกตัวอย่าง พลังประชารัฐ เป็นแกนนำรัฐบาล มี ส.ส.มากที่สุด แต่ต้องยกตำแหน่ง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร ให้ประชาธิปัตย์ แถม ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ด้วย อีก 1 ตำแหน่ง กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการ ท่องเที่ยว ยกให้ ภูมิใจไทย ทั้งที่ ประชาธิปัตย์ และ ภูมิใจไทย มี ส.ส.ในสภาจำนวน 50-60 ที่นั่งเท่านั้น

กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย เป็นโควตากลางของนายกฯ คน ที่เป็น รมต.ก็เป็นคนนอก ไม่ต้องรับผิดชอบในการทำงานของพรรค ดังนั้นกระทรวงหลักที่พลังประชารัฐดูแล เหลือแค่ แรงงาน อุตสาหกรรม ยุติธรรม วัฒนธรรม ไม่ใช่กระทรวงเกรดเอ หรือกระทรวงหลักทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคง

...

จะไปสร้างผลงานหรือผลักดันนโยบายสำคัญอะไรได้

พรรคอื่นฟาดเรื่องรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ทางด่วน สนามบิน ประกันราคาพืชผลการเกษตร ประกันสุขภาพ ได้ อบต. อบจ.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เป็นกองหนุนกันโครมๆ พลังประชารัฐได้แต่นั่งมองตาปริบๆ

ที่สำคัญคือ ความไม่มีเอกภาพและเสถียรภาพ ในการบริหารราชการแผ่นดิน มีการต่อรองทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ หากจะรักษาเสถียรภาพรัฐบาลและความเป็นผู้นำ เพื่อที่จะรักษาอำนาจเอาไว้ ก็ต้องยอมแลกเปลี่ยนกับการต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ผิด หรือมีการกระทำที่แสวงหาผลประโยชน์และอำนาจก็ตาม

ทำลายความเป็นผู้นำจนไม่เหลือเครดิต

จุดอ่อนของรัฐบาลผสมหลายพรรคย่อมกระทบถึงประชาชนและประเทศโดยตรง ถ่วงความเจริญของประเทศต้องเลือกเอาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ซึ่งแก้ง่ายนิดเดียว ด้วยวิธีแลนด์สไลด์.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th