“วราวุธ ศิลปอาชา” เปิดวิสัยทัศน์ “ว้าว ไทยแลนด์” ชูคาร์บอนเครดิต ยัน 10 นโยบายที่เปิดออกมา ถึงจะไม่ได้ลด แลก แจก แถม เหมือนพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ทำได้จริง สร้างความยั่งยืน คุณภาพชีวิตที่ดี
วันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน, ผศ.ดร.สันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา และทีมงานของพรรคฯ พบปะสื่อมวลชนในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมตอบข้อซักถาม ในงานแถลงนโยบาย เรื่อง “จากสิ่งแวดล้อมไทย สู่สิ่งแวดล้อมโลก : ความมั่งคั่ง โอกาส และคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน” (From Thai Environments to Global Environments : Wealth, Opportunity and Welfare For All.) โดยเป็นการอธิบายยุทธศาสตร์ และเป้าหมาย ของพรรคชาติไทยพัฒนาที่ใช้เรื่อง “สิ่งแวดล้อม” เป็นจุดขายในการเลือกตั้งที่สามารถทำได้จริง และทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำในเวทีโลก
...
นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงนโยบาย “ว้าว ไทยแลนด์” (WOW Thailand) ว่ามาจากคำว่า W = Wealth ความมั่งคั่ง O = Opportunity โอกาส และ W = Welfare For All คุณภาพชีวิต ที่ดีของทุกคน ซึ่งการกำหนดเป้าหมาย Sustainable country for all GENs สร้างประเทศที่ยั่งยืน เพื่อลูกหลานไทย ซึ่งเป็น Global Vision ของพรรค มีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน The Sustainable Development Goals (SDG) ทั้ง 17 ข้อ ของสมัชชาสหประชาชาติที่เป็นกรอบการพัฒนาโลกในอนาคต ที่จะทำให้สำเร็จร่วมกันในปี ค.ศ.2030 รวมถึงการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Net Zero ในปี ค.ศ.2050 ซึ่งประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ และความมุ่งมั่นไว้ในเวทีการประชุมสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อปี 2564 และในการประชุม COP27 ที่เมืองชาร์ม เอล ชีค ประเทศอียิปต์ เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา
นายวราวุธ ยังกล่าวด้วยว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่ลงนามข้อตกลงถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้ข้อ 6.2 ของความตกลงปารีส และถือเป็นประเทศคู่แรกของโลกที่ทำการแลกเปลี่ยนซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างกัน และเป้าหมายต่อไป คือ การสร้างศูนย์กลางคาร์บอนเครดิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีมาตรฐานด้านการวัด ประเมิน กำหนดเกณฑ์มาตรฐาน การรับรองผลการตรวจประเมิน การสร้างตลาดซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิต และการร่วมมือ วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีด้านคาร์บอนเครดิต โดยมีประเทศไทยเป็นแกนหลักในภูมิภาคอาเซียน
ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา มีแนวคิดที่จะเร่งขยายการตรวจวัด Carbon Net ที่ได้มาตรฐาน รวดเร็ว แม่นยำ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ และกำหนดตำแหน่งของแปลงการเกษตร ตรวจวัดอายุรายแปลงให้ได้มาตรฐาน ในกลุ่มพืชเศรษฐกิจทั้ง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าว ไม้ผลยืนต้น ป่าไม้ สวนป่า ป่าเสื่อมโทรม ป่าฟื้นตัว และคาร์บอนในดิน และนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการไฟป่าอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างแบบจำลองจุดที่เกิดไฟป่าซ้ำซาก เพื่อกำหนดมาตรฐานการป้องกัน การพัฒนาแนวทางบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตจากไฟป่า โดยให้ประชาชน ชุมชน มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และได้รับประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งหากทำได้จะช่วยลดปัญหาวิกฤติฝุ่น PM 2.5 ได้
ผศ.ดร.สันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานีตรวจวัดก๊าซเรือนกระจก หรือสถานีตรวจวัดจุลอุตุนิยมวิทยา ที่มีข้อมูลรายละเอียดพื้นที่และความเป็นเจ้าของคาร์บอนเครดิตของแต่ละบุคคล สามารถนำข้อมูลเบื้องต้นมาสร้างเป็น Carbon credit token และใช้ Blockchain technology ในการเก็บข้อมูลอย่างแม่นยำและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และใช้เป็นสินทรัพย์ในการซื้อขายซึ่งมูลค่าจะขึ้นอยู่กับมาตรการอันเป็นที่ยอมรับในสากล
นายวราวุธ กล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า นโยบาย “ว้าว ไทยแลนด์” ทุกนโยบาย มาจากการทำงานของรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคทุกคน ที่ลงพื้นที่ “รับฟัง” ปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของคนไทยทุกจังหวัดทั่วประเทศ จนเกิดเป็นนโยบายที่ “ทำได้จริง” และ “ทำกันมาแล้ว” โดยเฉพาะ 10 นโยบาย ที่เปิดออกมา ถึงจะไม่ได้ลด แลก แจก แถม เหมือนพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ทุกนโยบายจะเน้นการสร้างความยั่งยืน สร้างสวัสดิการ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อลูกหลานของคนไทยในอนาคต โดยเชื่อว่าถ้าทุกคนร่วมมือกัน ทุกอย่างก็สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้.