รทสช. ตั้งเวทีขนาดใหญ่พร้อมจอ LED ยักษ์ รับการปราศรัย “บิ๊กตู่” ครั้งแรกในภาคอีสาน พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร 132 เขต 20 จังหวัด เย้ย “อุ๊งอิ๊ง” ยังไม่ถึงชั้นนั่งเก้าอี้นายกฯ ห่างกับลุงตู่หลายขุม

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 15.30 น. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เดินทางไปที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อตรวจดูสถานที่และเวทีเตรียมการปราศรัยใหญ่ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ โดยมีการตั้งเวทีปราศรัยขนาดใหญ่ความยาว 40 เมตร ลึก 15 เมตร พร้อมกับมีการตั้งโครงเหล็กหลังเวที เพื่อเตรียมที่จะติดตั้งจอ LED ยักษ์ ขนาดความกว้าง 40 เมตร สูง 5 เมตร บนเวทีปราศรัย

นายเสกสกล กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมานั้น พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ทั้ง 132 เขต ในภาคอีสาน พร้อมกับนำผลงานต่างๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีได้สร้างไว้ 8 ปี มานำเสนอ โดยมีสโลแกนว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” อย่างเช่น การเพิ่มเงินให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งตนไม่อยากเรียกว่าบัตรคนจน แต่หลายคนบอกว่าเป็น “บัตรลุงตู่” โดยอยากจะเพิ่มจากปัจจุบัน 500 บาท ให้ได้ถึง 1,000 บาทในอนาคต และจะเพิ่มจำนวนบัตรให้กับประชาชนอีก ทั้งนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ “ลุงตู่” อยากจะทำต่อ ส่วนตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมานั้น ตอนนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ มีตัวครบแล้วทั้ง 16 เขต ซึ่งจะขึ้นโชว์ตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ก.พ.นี้แน่นอน ส่วนคนที่มีพื้นที่ทับซ้อนกันก็จะไม่ทิ้งกันจะเชิญขึ้นโชว์ตัวทั้งหมด

...

สำหรับกระแสของพรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ภาคอีสานนั้น ตอนนี้ถือว่าดีมาก เพราะจากโพลสำนักต่างๆ ที่ผ่านมา แม้ว่านายกฯ “ลุงตู่” จะเพิ่งเปิดตัวกับพรรคฯ เพียงแค่ไม่กี่เดือนแต่ปรากฏว่าติดโผของโพลสำนักต่างๆ เป็นอันดับ 2 อันดับ 3 มาโดยตลอด ส่วนพรรคอันดับ 1 คือพรรคเพื่อไทยนั้น ต้องยอมรับว่าเขาเดินหน้าหาเสียงไว้นานแล้ว มีตัว ส.ส. มีการติดป้ายหาเสียง มีการลงพื้นที่หาเสียงไว้นานแล้ว จึงไม่แปลกที่ติดอยู่อันดับ 1 แต่ตอนนี้กระแสของพรรคเพื่อไทยก็เริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ สังเกตได้จากการปราศรัยช่วงหลังๆ จะมีกลุ่มคนทยอยเดินออกจากเวทีเป็นจำนวนมาก เพราะเขาเบื่อการเมืองแบบเก่าๆ ขนาดคนเสื้อแดงที่เคยอยู่ด้วย ก็พากันออกจากพรรคเพื่อไทยมากมาย แม้แต่คนที่เคยวางตัวจะให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.ก็ยังถูกหักหลัง ปล่อยลอยแพเลย เขาจึงพากันหมดศรัทธา เพราะเป็นพรรคที่ไม่มีจุดยืนที่ชัดเจน และที่เคยมั่นใจว่าจะแลนด์สไลด์ในภาคอีสานนั้น ตอนนี้อย่าไปคาดหวังเลย แม้แต่การขึ้นปราศรัยของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ก็ต้องมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายชลน่าน ศรีแก้ว คอยประกบ ป้อนคำพูดให้ตลอด ตนเองจึงมองว่า “อุ๊งอิ๊ง” ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเลย เมื่อเทียบกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือลุงตู่แล้วคนละเรื่องกัน เพราะลุงตู่ มีภาวะผู้นำสูงมาก และมีภาพลักษณ์ ใจซื่อ มือสะอาด ไม่เคยมีประวัติทุจริตคอร์รัปชันประเทศชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่บาทเดียว ดังนั้นตนเองจึงมั่นใจว่าการลงพื้นที่มาปราศรัยใหญ่ในภาคอีสานครั้งนี้ จะทำให้กระแสคนรักลุงตู่พุ่งกระฉูดแซงหน้าขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในภาคอีสานได้อย่างแน่นอน

สำหรับกำหนดการเดินทางมาปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา ของพลเอกประยุทธ์ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 17.30 น. ประกอบพิธีบวงสรวงท่านท้าวสุรนารี เวลา 18.00 น. เดินทางจากลานย่าโมไปยังเวทีปราศรัยที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา และ 18.30 น. ขึ้นเวทีปราศรัยและเปิดตัวผู้สมัคร จนถึงเวลา 19.30 น. เสร็จสิ้นการปราศรัย