"สันติ" โต้ "ยุทธพงศ์" ยัน รักษาผลประโยชน์ให้รัฐกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท โครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ชี้ 30 ปี ที่ผ่านมารัฐเสียประโยชน์เก็บเงินได้เพียง 7-800 ล้าน เท่านั้น ไร้ทุจริต ยัน ความเท็จให้บริษัทเอกชนไปเช่าช่วง 

เมื่อเวลา 16.28 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี หรือ การอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออก อีอีซี ว่า กรมธนารักษ์ 30 ปี หลังจากนี้ รัฐได้ประโยชน์ได้เงินกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท พร้อมถาม ใครกันแน่ที่ทำให้รัฐเสียหาย ส่วนข้อกล่าวหา หนี พ.ร.บ.การร่วมทุนฯ ชี้แจง โครงการท่อส่งน้ำ 3 ท่อ มีมูลค่าโครงการ 2.8 พันล้านบาท ต้องมีมูลค่าโครงการมากกว่า 5 พันล้าน ถึงเข้าข่ายใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุน

ส่วนกรณี เปิดแข่งขันแค่ 3 ราย พี่น้องประชาชน จะต้องจ่ายค่าน้ำแพงขึ้น 30 ปี ที่ผ่านมา บริษัท "อีสวอเตอร์" เก็บค่าน้ำคิว 12-13 บาท ขึ้นไป แต่ตามสัญญากรมธนารักษ์ เก็บค่าน้ำไม่เกิน 10.98 บาท ต่อหน่วย ถ้าเก็บน้อยกว่านั้นสามารถทำได้ บริษัทเอกชนรายใหม่ที่ทำสัญญา เก็บเงินลดลงขนาดนี้ยังจ่ายค่าผลประโยชน์ให้รัฐ 2.5 หมื่นล้านบาท ในเวลา 30 ปี ขอถามว่า 30 ปี ที่ผ่านมา รัฐเสียหายขนาดไหน

ต้องขอบคุณ กรมธนารักษ์ ยืนยัน ที่บอกค่าน้ำแพงเป็นไปไม่ได้ อีกประเด็น บริษัทวงศ์สยาม ให้ไปเช่าช่วง อันนี้เป็นความเท็จทั้งสิ้น ไม่รู้ "อีสวอเตอร์" ได้ผู้มีอิทธิพลท่านใดช่วย พยายามถ่วงเวลา ทำให้ผลประโยชน์รัฐหายไป แต่ "บริษัทอีสวอเตอร์" ก็ไม่ยอม ไปฟ้องศาลปกครอง ถ่วงเวลาออกไป ฉะนั้นรัฐก็ยังไม่ได้รับผลประโยชน์ 27% ที่เพิ่มขึ้น 

ส่วนกรณีถามว่า เหตุใด ต้องลงไปตรวจสอบโครงการท่อส่งน้ำด้วยตัวเองนั้น นายสันติ ยืนยันว่า ผมตั้งใจเชิญทุกฝ่ายไปร่วมตรวจสอบ เพื่อให้การส่งมอบราบรื่น เพื่อไม่ให้ประชาชนโครงการอีอีซี ต้องเดือดร้อน ตอนลงไปตรวจสอบ ผมก็พบว่า มีการต่อเชื่อมท่อ 7% กับ 1% ท่านคิดดูรัฐเสียหายไปเท่าไร 30 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้รับผลประโยชน์ 700-800 ล้านบาทเท่านั้น จึงต้องบอกให้เจ้าหน้าที่ ให้ไปแจ้งความ

...

บริษัทอีสวอเตอร์ การประปา ถือหุ้นอยู่ 40% ยุทธพงศ์ ท้าสันติ ลาออกกันไหม ผมไม่เคยพูดการประปาถือหุ้น 40% ผมไม่บอกว่า เป็นความผิดของการประปา หรือการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ไปถือหุ้นในบริษัทอีสวอเตอร์ แต่บอกว่า ทั้งการประปา และการนิคมฯ น่าจะมีการส่งคนเข้าไปเป็นกรรมการ

ท่อ 1% เชื่อมท่อ 7% แล้วปล่อยน้ำส่วนใหญ่ไปที่ท่อ 1% ทำได้อย่างไร มันเป็นการทำการฉ้อฉลผลประโยชน์ของภาครัฐ ผลลงพื้นที่ไป ก็เชิญให้ทั้งต่างชาติและเอกชน ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ DSI ด้วย ไปร่วมกันตรวจสอบด้วย 

ทั้งนี้นายยุทธพงศ์ ได้ใช้สิทธิ์พาดพิง ตั้งคำถาม ทำไมนายสันติ ลงไปตรวจด้วยตัวเองเพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่หน้าที่ รมช.คลัง นายสันติ กล่าวว่า เพราะผมเป็นผู้กำกับดูแล ภาคตะวันออก เรื่องน้ำสำคัญมาก ต้องการให้การถ่ายโอนต้องราบรื่น และมีข่าวฉ้อฉล ส่งน้ำมาหลายสิบปี เพื่อให้เกิดข้อเท็จจริง เพื่อให้ไม่มีการกลั่นแกล้ง แล้วขอตอบดังๆ ว่า มีเอี่ยวบริษัทวงศ์สยาม หรือไม่ ยัน ผมยังไม่เคยพบหน้าและไม่เคยรู้จักอะไรทั้งสิ้น ขอเรียนผู้กล่าวหา ผมและธนารักษ์ นี่คือการพิทักษ์ผลประโยชน์ของรัฐอย่างแท้จริง.