การเมืองไทยกำลัง “หาเงิน” และ “หาเสียง” กันอย่างเพลิดเพลิน สัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า ได้เบรก “บางพรรค” ในที่ประชุม ครม. ของบประมาณผูกพันส่งท้ายอายุรัฐบาลมา 800,000 ล้านบาท นายกฯตู่ย้ำว่า “พรรคเดียวนะ” ถ้ารวมทุกพรรคไม่รู้จะเป็นเงินเท่าไหร่ ยังไม่นับรวม นักการเมืองสีเทา ข้าราชการสีเทา ตำรวจสีเทา ทุนจีนสีเทา ที่กำลังครอบงำระบบราชการไทย ช่วยกันกัดกร่อนความมั่งคั่งของประเทศไทยและคนไทยจนย่อยยับ ทำให้มีคนรวยเพียงกระจุกเดียว นายทุนพรรคการเมือง นักการเมือง ข้าราชการระดับบิ๊ก ฯลฯ

ในขณะที่ คนไทยจนกระจายหนี้ท่วมหัวถึงขั้นวิกฤติ ทำให้ แบงก์ชาติ ต้องออกมาเตือน

คุณสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการแบงก์ชาติสายกำกับสถาบันการเงิน 1 เปิดเผยว่า “หนี้ครัวเรือนคนไทย” ในเวลานี้ อยู่ในระดับที่สูงมาก ล่าสุดไตรมาส 3 ปี 2565 อยู่ในระดับ 86.8% ของจีดีพี แม้จะลดลงจากระดับสูงสุดที่ 90.1% ของจีดีพี แต่เป็นการลดลงจากจีดีพีที่เพิ่มขึ้น แต่ตัวหนี้จริงไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด หากมองไปข้างหน้า ถ้าไม่ได้แก้ไขอะไรเลย หนี้ครัวเรือนไทยในปี 2570 จะอยู่ที่ 84% ของจีดีพี ซึ่งสูงกว่า มาตรฐาน ที่ ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) กำหนดไว้สูงสุดที่ระดับ 80% ของจีดีพี

หากหนี้ครัวเรือนสูงกว่า 80% ของจีดีพี BIS ระบุว่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อประเทศดังนี้

ทำให้เกิดการ ฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพราะ รายได้ส่วนใหญ่ของครัวเรือนต้องเอาไปจ่ายหนี้แทนการใช้จ่าย กระทบต่อเสถียรภาพของสถาบันการเงิน นอกจากนั้น ยังก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม ปัญหาทางสุขภาพจิตและอาชญากรรม (ที่เกิดขึ้นมากมายทุกวันแต่ไม่ได้รับความสนใจจาก นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีมหาดไทย ที่มีหน้าที่รับผิดชอบความสงบสุขของประชาชน) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงได้จัดทำ “แนว ทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน” เพื่อสะท้อนข้อมูลเชิงลึกของหนี้ครัวเรือนไทย และหลักการในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างเบ็ดเสร็จ คือ แก้ให้ตรงจุด ไม่สร้างภาระเพิ่มให้ลูกหนี้ ไม่ลดโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ

...

ถ้าท่านผู้อ่านจำได้ วันปีใหม่ 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขหนี้ครัวเรือน เพื่อผ่อนคลายความเดือดร้อนของประชาชน โดยตั้งเป้าหมายให้ “ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือนให้สำเร็จให้ได้” เพื่อให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพระดับโลก

หนึ่งปีผ่านไป ไม่เพียง พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถแก้หนี้ครัวเรือนได้อย่างที่ประกาศ ซ้ำร้ายคนจนกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 13 ล้านคน เป็น 20 ล้านคน จากตัวเลขบัตรคนจนของกระทรวงการคลัง ธปท. เปิดเผยถึงการสำรวจหนี้ครัวเรือนไทยพบว่า คนไทยเป็นหนี้เร็ว 58% เป็นหนี้ตั้งแต่อายุ 25-29 ปี คนไทยเป็นหนี้นาน มากกว่า 1 ใน 4 ของคนมีอายุเกิน 60 ปี ยังต้องผ่อนหนี้เฉลี่ยสูงกว่า 415,000 บาทต่อคน หนี้เสียของไทยอยู่ในระดับสูง โดยลูกหนี้ 10 ล้านบัญชีที่เป็นหนี้เสีย เกือบครึ่งหรือ 4.5 ล้านบัญชีเพิ่งเป็นหนี้เสียในช่วงโควิด คนไทยเป็นหนี้ไม่รู้จักจบสิ้น เกือบ 20% ของบัญชีหนี้เสียถูกยื่นฟ้อง 1 ใน 3 ของลูกหนี้จบลงด้วยการถูกยึดทรัพย์ ที่สำคัญ คนไทยเป็นหนี้นอกระบบสูงถึง 42%

นี่คือผลงานของ รัฐบาลลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกฯมานานกว่า 8 ปี

ทุกวันนี้ มีคนจน 13.5 ล้านคน รอรับเงินสวัสดิการจากบัตรคนจนทุกเดือน เพื่อใช้ยังชีพและเดินทาง โดยใช้เงินภาษีของประชาชนเดือนละกว่า 7,600 ล้านบาท ปี 2566 ผู้รับบัตรคนจนจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคน เงินสวัสดิการต่อเดือนคงต้องเพิ่มเป็นหมื่นกว่าล้านบาท แล้วเมื่อไหร่คนไทยจะสามารถเงยหน้าอ้าปากได้ โดยไม่ต้องแบมือรับเงินจากรัฐบาล หรือจะทำให้คนไทยเป็น “เป็ดง่อย” ไปตลอดชาติ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”