“ศักดิ์สยาม” ตรวจเยี่ยมและติดตามข้อสั่งการการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมติดตามความคืบหน้าแก้ปัญหาขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า เผยตัวเลขเที่ยวบิน-นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

วันนี้ (9 กุมภาพันธ์ 2566) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมและติดตามข้อสั่งการการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารภายหลังสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นกล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินสถานการณ์ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมมาตรการรองรับนักท่องเที่ยว และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ

ในส่วนของกระทรวงคมนาคมสั่งการให้ทุกหน่วยงานมีความพร้อมทั้งมาตรการให้บริการจราจรทางอากาศและการให้บริการภาคพื้น รองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งภายหลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

...

จากข้อมูลปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารของ ทอท. (ตั้งแต่วันที่ 8-31 มกราคม 2566) ทอท. มีเที่ยวบินในภาพรวม 43,300 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 1,800 เที่ยวบิน/วัน และผู้โดยสารในภาพรวม 6.89 ล้านคน หรือเฉลี่ย 287,000 คน/วัน โดยเป็นเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 25,690 เที่ยวบิน และผู้โดยสาร 4.3 ล้านคน ซึ่ง ทอท. มีเป็นเที่ยวบินเส้นทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน 2,000 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 80 เที่ยวบิน/วัน โดยมีผู้โดยสาร 255,000 คน หรือเฉลี่ย 11,000 คน/วัน ในจำนวนนี้เป็นเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1,126 เที่ยวบิน และผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก 238,374 คน 
 
สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ พบว่าในเดือนมกราคม 2566 เป็นดังนี้

  • ปริมาณเที่ยวบิน เฉลี่ย 829 เที่ยวบิน/วัน ฟื้นตัว 84% แบ่งเป็น
    - เที่ยวบินระหว่างประเทศ 561 เที่ยวบิน/วัน ฟื้นตัว 139%
    - เที่ยวบินภายในประเทศ 268 เที่ยวบิน/วัน ฟื้นตัว 24%
  • ผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออก เฉลี่ย 138,287 คน/วัน ฟื้นตัว 317% แบ่งเป็น
    - ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 101,551 คน/วัน ฟื้นตัว 981%
    - ผู้โดยสารภายในประเทศ 36,736 คน/วัน ฟื้นตัว 55% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565
     

นายศักดิ์สยาม ระบุต่อไปว่า จากการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการภาคพื้นทั้ง 2 ราย คือ การบินไทย (TG) และ Bangkok Flight Services (BFS) ที่ใช้เวลามากกว่า 30 นาที เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งมีประมาณ 50 เที่ยวบินต่อวัน ปัจจุบันในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ลดลงเหลือประมาณ 15 เที่ยวบินต่อวัน มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้ง 2 ราย มีการเพิ่มบุคลากรและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการเปิดประเทศ รวมทั้ง ทอท. ขยายระยะเวลาให้บางสายการบินบริการภาคพื้นด้วยตนเอง (Self Handling) เป็นการชั่วคราว ขณะที่การแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทอท. อยู่ระหว่างการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
 
ในส่วนของการจัดระเบียบพื้นที่จุดนัดพบของบริษัทท่องเที่ยว (กรุ๊ปทัวร์) ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปัจจุบันมีการเดินทางเป็นหมู่คณะเพิ่มขึ้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัดระเบียบพื้นที่สำหรับกรุ๊ปทัวร์ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2565 เพื่อลดความแออัดบริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน ไม่ให้กีดขวางทางเดินผู้โดยสาร จัดพื้นที่รองรับกรุ๊ปทัวร์ขาออกโดยเฉพาะไว้ที่บริเวณชั้น 4 ประตู 10 จากการดำเนินการมาประมาณ 1 เดือนกว่า บริษัทท่องเที่ยวให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามแนวทางการจัดระเบียบพื้นที่เป็นอย่างดี และไม่ทำให้เกิดปัญหาความแออัดของพื้นที่บริเวณชั้น 4 ประตู 10 เนื่องจากปัจจุบันกรุ๊ปทัวร์หนาแน่นในช่วงเวลากลางคืน เป็นช่วงเวลาเดียวกับเที่ยวบินขาออกในเส้นทางยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น ส่วนกรุ๊ปทัวร์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่จะเดินทางขาออกช่วงเวลากลางวัน ซึ่งเป็นคนละช่วงเวลากับกรุ๊ปทัวร์หนาแน่นในช่วงเวลากลางคืน

ทางด้านประเด็นที่มีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์จากนักท่องเที่ยวว่าจุดทำ Visa on Arrival (VOA) มีการเรียกเก็บค่าบริการนั้น กระทรวงคมนาคมตรวจสอบข้อมูลจาก ทอท. และผู้แทนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 พบว่าไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะเรียกเก็บเพียงค่าธรรมเนียมการขอรับตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VOA) ตามกฎหมายเท่านั้น รวมถึงการให้บริการช่องทาง Fast Track VISA ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้ง 10 ประเภท ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานทุกแห่งมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวภายหลังเปิดประเทศ โดยได้ประสานข้อมูลกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ ทั้งด้านบุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งในส่วน Landside และ Airside ของท่าอากาศยาน รองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางผ่านเข้า-ออกให้ได้รับความสะดวก รวดเร็วที่สุด พร้อมกำชับให้ผู้ให้บริการภาคพื้นที่ให้บริการขนถ่ายสัมภาระผู้โดยสาร ดำเนินการให้ตรงตามเวลาที่กำหนด

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังได้สั่งการให้สร้างความรับรู้ในการปรับปรุงบริการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนรับทราบ จัดทำวิดีโอคลิปประชาสัมพันธ์บนเครื่องบิน รวมทั้งมีการพัฒนา Service Mind ของเจ้าหน้าที่ เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการของท่าอากาศยาน จัดเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนผู้โดยสารเมื่อเวลาเกิดปัญหา ช่วยลดความกังวลผู้โดยสารที่ประสบปัญหา รวมทั้งพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการโครงการต่างๆ ของ AOT ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ลดขั้นตอนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และมอบให้ ทอท. สนับสนุนข้อมูลสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในการขยายอัตรากำลังเพื่อรองรับการตรวจคนเข้าเมืองให้สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนของนักท่องเที่ยว มอบหมายสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริหารจัดการ จัดสรรตารางการบินให้แก่สายการบินต่างๆ ปรับเส้นทางบินตรงไปยังท่าอากาศยานในภูมิภาค และปรับช่วงเวลาการเดินทางเพื่อลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง กระตุ้นให้เกิดการกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และใช้ระบบ IT และ Automation มาช่วยปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์สยาม มีการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมตามมาตรการบริหารจัดการ ทั้งการให้บริการและการจราจรทางอากาศ ให้รองรับปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นได้ รวมทั้งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสายการบินและผู้ประกอบการภาคพื้น (Ground Handling) ให้การบริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กำชับผู้ประกอบการภาคพื้นจัดหาบุคลากรและยานพาหนะให้เพียงพอแก่การให้บริการผู้โดยสาร ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์กรณีรถชัตเติลบัส (Shuttle Bus) ไปรับผู้โดยสารลงจากเครื่องล่าช้าอีกในอนาคต เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร และสายการบิน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกด้าน อันจะเป็นการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ
 
ในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน กระทรวงคมนาคมมีกำหนดการเปิดให้บริการ SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเดือนกันยายน 2566 โดยท่าอากาศเตรียมทดสอบความพร้อมการเปิดให้บริการ (Operational Readiness and Airport Transfer : ORAT) ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างผู้ประกอบการภายในอาคาร SAT-1 ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเข้าปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนเดือนกันยายน 2566 ขณะที่รถไฟฟ้า APM ดำเนินงานแล้วเสร็จ 100% ตั้งแต่กันยายน 2565 มีความพร้อมในการให้บริการในช่วง ORAT และเปิดใช้ SAT-1 สำหรับงานที่อยู่ในระหว่างการทดสอบร่วมกับระบบเดิมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจอาวุธและวัตถุระเบิด (EDS) ขาออก ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 96%
 
นอกจากนี้ ยังกำชับให้ ทอท. ประสานอำนวยความสะดวกจุดรับ-ส่งผู้โดยสาร และบริหารจัดการรถโดยสารสาธารณะและรถแท็กซี่ให้เพียงพอ รวมถึงมอบนโยบายให้ ทอท. จัดทำศูนย์บริการข้อมูลระบบขนส่งมวลชน ล้อ-ราง-เรือ ของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้บริการข้อมูลการเดินทางและบัตรโดยสารพร้อมทั้งส่วนลดพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยว ส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบการขนส่งมวลชนสำหรับประชาชนและผู้ใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท. สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT เพื่อดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับท่าอากาศยานและจองการใช้บริการรถแท็กซี่.

(ช่างภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์)