SUPER POLL สำรวจ “ความสำเร็จของ ลุงตู่ ช่วงวิกฤติชาติ” ภาพจำอันดับ 1 คนโหวตให้ “คนละครึ่ง” รองลงมาเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่หากได้เป็นนายกฯ ต่อในเลือกตั้ง 2566 หวังให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ

วันที่ 5 ก.พ. 2566 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการวิจัย สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง “ความสำเร็จของ ลุงตู่ ช่วงวิกฤติชาติ” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,023 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 1-4 ก.พ. 2566

ในส่วนคำถามถึงความสำเร็จของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ลุงตู่ ช่วงวิกฤติชาติ พบว่า

  • ร้อยละ 82.4 ระบุ โครงการคนละครึ่ง มาเป็นอันดับแรกที่เป็นภาพจำของประชาชน
  • ร้อยละ 80.5 ระบุ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
  • ร้อยละ 78.0 ระบุ เปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว
  • ร้อยละ 74.8 ระบุ ฟื้นความสัมพันธ์ ไทย-ซาอุดีอาระเบีย กระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานคนไทย
  • ร้อยละ 65.4 ระบุพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เช่น เส้นทาง คมนาคม การใช้พลังงานสะอาด พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
  • ร้อยละ 63.3 ระบุ การช่วยผู้ประกอบการรายย่อย ขนาดย่อม และขนาดกลาง
  • ร้อยละ 62.9 ระบุ นำพาประเทศไทยพ้นวิกฤติขัดแย้งการเมือง สูญเสียน้อยกว่า หลายประเทศ
  • ร้อยละ 62.3 ระบุ ลดความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และอื่นๆ
  • ร้อยละ 60.4 ระบุ ช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษ ความเสมอภาค โอกาสการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ
  • ร้อยละ 58.9 ระบุ แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันจริงจัง ปราบปรามจับกุม ซื้อขายตำแหน่ง เงินใต้โต๊ะ ตามลำดับ

ผศ.ดร.นพดล กล่าวต่อไปว่าที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความต้องการของประชาชน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ พบว่า

...

  • ร้อยละ 53.0 ต้องการให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อยู่ดี กินดี
  • ร้อยละ 52.9 ต้องการค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ถูกลง
  • ร้อยละ 52.8 ต้องการค่าน้ำมัน พลังงานเชื้อเพลิงถูกลง
  • ร้อยละ 52.5 ต้องการความปลอดภัยทางไซเบอร์ คอลเซ็นเตอร์ และโลกออนไลน์
  • ร้อยละ 52.1 ต้องการ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
  • ร้อยละ 50.2 ต้องการให้แก้ปัญหายาเสพติด
  • ร้อยละ 50.1 ต้องการ ความทันสมัย การสื่อสาร ยุคดิจิทัล
  • ร้อยละ 48.7 ต้องการให้แก้ปัญหาบริการสาธารณสุข
  • ร้อยละ 48.5 ต้องการให้แก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน
  • ร้อยละ 46.9 ต้องการให้ลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน เพิ่มแหล่งทุน ให้ผู้ประกอบการรายย่อย รายย่อม
  • ร้อยละ 46.8 ต้องการ การศึกษาของบุตรหลานที่ดี มีอนาคตดี
  • ร้อยละ 45.0 ต้องการบัตรลดราคา สินค้าจำเป็นให้ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ
  • ร้อยละ 43.8 ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตามลำดับ


ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.8 มีความหวัง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ ในขณะที่ร้อยละ 42.2 เกิดความกลัว

หัวหน้าโครงการวิจัย สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ยังระบุด้วยว่า ผลโพลชี้ให้เห็นว่าในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 2566 “โปรโมชั่น บิ๊กตู่” อาจจะขายได้ดีถ้ามาเป็นชุดตามผลสำรวจครั้งนี้ ได้แก่ รื้อฟื้นความจำเรื่อง โครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานคนไทย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดี การช่วยผู้ประกอบการ รายย่อย รายย่อม ขนาดกลาง เข้าถึงแหล่งทุน และการนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง เกิดการสูญเสียน้อยกว่าหลายประเทศ เป็นต้น

แต่ที่จะตรงเป้าความต้องการของประชาชน ได้แก่ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อยู่ดีกินดี ที่ต้องการมืออาชีพมาเป็นจุดขายเพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ มีจุดอ่อน หรือ Pain Point เรื่องขาดมือเศรษฐกิจที่ดีคู่กาย จึงต้องหามาเสริมเร่งด่วนในช่วงเริ่มต้นของการหาเสียงนี้ ตามด้วยแพ็กเกจโปรโมชั่นอื่นๆ ได้แก่ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำถูกลง ค่าน้ำมัน พลังงานเชื้อเพลิงถูกลง ความปลอดภัยทางไซเบอร์ คอลเซ็นเตอร์ และโลกออนไลน์ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แก้ปัญหายาเสพติด ความทันสมัย การสื่อสาร ยุคดิจิทัล แก้ปัญหาบริการสาธารณสุข แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน เพิ่มแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย รายย่อม การศึกษาของบุตรหลานที่ดีมีอนาคต บัตรลดราคาสินค้าจำเป็นให้ หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ถ้าทำได้เด่น ดี ก็จะเกิดปรากฏการณ์ให้ผู้คนหันมาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินต่อในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หลังการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้.