- เปิดใจ ทำไมเกิดขัดแย้งกับ "ทักษิณ" เริ่มตั้งแต่ ช่วงหาเสียง อบจ.เชียงใหม่ ช่วย "บุญเลิศ" เหตุ พรรคเพื่อไทยไม่เอาลงเลือกตั้ง ทั้งที่เขาทุ่มเทให้พรรคจนติดคุก
- รู้จักกับ อดีตนายกฯ ทักษิณ มาเกือบ 30 ปี รับ มีแผลใจต่อกัน ต้องกลืนเลือด จนมาจ่อที่คอหอย พอกระแทกซ้ำแผลใจ มันเท่ากับสำลักเลือดออกมา เหมือน "ฟางเส้นสุดท้าย" ขาดลง
- ขอสาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และวิณญาณวีรชน หากรับเงิน 70 ล้านบาท เพื่อมาทำลาย "ทักษิณ" และพรรคเพื่อไทยจริง ขอให้มีอันเป็นไป พินาศย่อยยับ
การเมืองช่วงใกล้เลือกตั้งอุณหภูมิร้อนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาปรากฏคู่กัดทางการเมืองแบบไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลายมาเป็นคู่กัดกันได้ แน่นอนที่พูดถึงคือ "จตุพร-ทักษิณ" ที่จู่ๆ "ตู่" จตุพร ก็ออกมาแฉ นายใหญ่ ถึงเบื้องลึก เบื้องหลัง ของการชุมนุมคนเสื้อแดง และอีกหลายๆ เรื่องที่พรั่งพรูออกมาจากปากของคนระดับแกนนำ นปช.ใกล้ชิดที่เรียกว่าแทบไม่น่าเชื่อที่จะได้ยินจากปากของ นายจตุพร ซึ่งคนทั้งประเทศก็คงทราบว่า นายจตุพร กับ นายทักษิณ เป็นอะไรกันมาก่อน
...
คำถามเกิดขึ้นมาทันที สาเหตุใดที่ นายจตุพร ถึงได้กล้าหาญชาญชัย ออกมาแฉ หรือยอมรับในหลายเรื่องที่เป็นที่ฮือฮา ทั้งกรณี นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่นายจตุพรชี้ว่าเหมือนถูกหักหลัง กรณีจำนำข้าว ที่เผ็ดร้อน และในอีกหลายเรื่อง
งานนี้คนสนใจมากกว่าไม่ใช่ นายจตุพร จะแฉอะไรต่อไปจากนี้ แต่สนใจว่า ทำไมถึงกล้าออกมาเปิดโปง หรือให้ร้ายนายใหญ่ทักษิณและพรรคเพื่อไทยมากกว่า อะไรคือ "ฟางเส้นสุดท้าย"
ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ได้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจ "จตุพร พรหมพันธุ์" ถึงสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังนั้น ลองไปติดตามดูกัน
กล่าวหา โจมตี "ทักษิณ" เหตุรับเงิน 70 ล้านบาท
นายจตุพร กล่าวว่า คือ การไม่กล้าระบุชื่อตรงๆ จ.จาน ที่โจมตีนายกฯ ทักษิณ มีคนเดียว แต่ไม่กล้าระบุชื่อ เพราะทันทีที่ระบุชื่อ ผมต้องดำเนินคดี เพราะอธิบายดูจินตนาการให้คนคิดว่าเป็น "แรมโบ้" แม้ไม่ระบุชื่อ ลองดูตามคลิป แล้วเสร็จแล้วระดับล่างๆ จ่าย 30 หวี 30 ล้าน ระดับหัวหน้าจ่าย 70-100 ล้าน มีหน้าที่โจมตี นายกฯ ทักษิณ ไม่ให้คนเลือกพรรคเพื่อไทย แล้วให้ไปเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน เช่น พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย สรุปคือพยายามสร้างจินตนาการว่ารับเงินจาก "ประยุทธ์" ผ่าน "แรมโบ้" แม้ว่าไม่ระบุชื่อ มันเป็นเหตุผลรับไม่ได้และเลวร้าย
ย้อนอดีต ติดคุก 5 รอบ บทพิสูจน์ไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งใดๆ
อดีตแกนนำ นปช. กล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริง ปี 57 เมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ประกาศไม่ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง ผมก็ประกาศไม่ลงรับสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป ในตอนนั้นผมยังมีสิทธิ์ลงอยู่ ต่อมาผมก็ประกาศเดิมพันว่า ถ้ารัฐธรรมนูญผ่าน ผมไม่ลงรับเลือกตั้ง เมื่อ รัฐธรรมนูญผ่าน ผมก็ประกาศไม่ลงรับเลือกตั้ง
แต่ต่อมาผมก็ไปติดคุกช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งแรกถูกถอนประกันตัว เพราะไปวิพากษ์วิจารณ์ คสช. ต่อมาคดีจำนำข้าว ติดคุก 3 เดือน ติดเชื้อในกระแสเลือดเกือบตาย ศาลก็ให้ประกัน ต่อมาอีก จะมีการตัดสินคดีจำนำข้าวของ นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คดีหมิ่นประมาท ซึ่งชั้นต้นยก อุทธรณ์ยก ฎีกากลับมาลงโทษ 1 ปี ต่อมาพิพากษาอีกคดีลงมา 12 เดือน ผมติดคุกรอบนี้ 1 ปี 15 วัน กฎหมายห้ามอยู่แล้ว ต้องพ้นโทษผ่านมา 10 ปี ถึงลงเลือกตั้งได้
ต่อมาผมถูกร้องรับโทษไม่ครบ ในสมัยมาเป็นแกนนำ"ไทยไม่ทน" ผมก็กลับไปติดคุกอีกเป็นรอบที่ 5 ที่เล่าให้ฟังเพราะต้องการยืนยันว่าผมไม่เคยยึดติดตำแหน่งใดๆ มาตลอด
รู้จักกับ อดีตนายกฯ ทักษิณ มาเกือบ 30 ปี รับ มีแผลใจต่อกัน
ในช่วง 8 ปีในการยึดอำนาจ ผมฟาดฟันติดคุก ช่วง คสช.3 ครั้ง จนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก่อนเกิดเรื่องกับ นายกฯ ทักษิณ ผมไปชุมนุมในนามคณะหลอมรวมประชาชน ประกาศหยุดอำนาจ 3 ป. รัฐประหารนับ 1 ประเทศไทย ก็ต่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ กับคณะ 3 ป. จนกระทั่งศาล รธน.วินิจฉัยให้ประยุทธ์ไปต่อ ผมก็มานั่งจัดรายการปกติ วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกวัน คือการสืบทอดอำนาจของ 3 ป. แทบไม่มีโอกาสพูดถึง นายกฯ ทักษิณ เลย เพราะว่า หลักคือไม่ต้องการให้ 3 ป.กลับมา จนกระทั่ง นายกฯ ทักษิณ ซึ่งมีแผลใจกันมากอยู่แล้ว เพราะรู้จักกันมา 29 ปี เกือบ 30 ปี และมีแผลใจเรื่องการชุมนุม และหลังการชุมนุมช่วงที่มีอำนาจ
"ตุ๊ดตู่" เปิดใจร่ายยาว ทำไมเกิดเรื่อง ตั้งแต่ หาเสียง อบจ.เชียงใหม่ ช่วย "บุญเลิศ" เพราะเพื่อไทยไม่เอาเขา
นายจตุพร กล่าวว่า เพราะฉะนั้นวันนี้ที่มันเกิดเหตุเพราะ นายกฯ ทักษิณ พูดกับคนที่ไปพบที่ฮ่องกงไม่กี่วันมานี้ แล้วก็บอกว่า เหตุที่ผมไปช่วยหาเสียงนายก อบจ.ที่เชียงใหม่ เพราะผมไปรับเงินของ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ซึ่งบุญเลิศ เขาไปติดคุกในคดีประชามติ ซึ่งไปรณรงค์ไม่รับร่าง รธน.ตามแนวทางพรรคเพื่อไทย เพราะเขาเป็นคนพรรคเพื่อไทย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยไปเอาอีกคนหนึ่งที่มีชื่ออยู่ในรายงาน นายวิชา มหาคุณ คดีบอส อยู่วิทยา นายบุญเลิศ ไม่ใช่คนเดียว แต่เป็นทั้งตระกูล ลูกน้องด้วย เกือบ 20 คน ถูกขังที่ มทบ.ราบ 11 กรุงเทพฯ ผมก็ไปเยี่ยม ส่งอาหารไปให้ทุกวัน จนเขาถูกเอาตัวไปขังเรือนจำเชียงใหม่ ผมก็ไม่ได้ไป แต่ส่งคนไปเยี่ยม
"บุญเลิศ" สุดเจ็บช้ำ มาหาด้วย "น้ำตานองหน้า" เมื่อถูกพรรคเพื่อไทยทอดทิ้งชนิดไม่เหลือเยื่อใย
เมื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่เอาเขาแล้วยัดเยียดว่า เขาย้ายขั้วสลับข้าง ซึ่งเขาไม่ได้ย้าย เพียงแต่ว่า พรรคเพื่อไทย ใช้เหตุผลนี้เพื่อเล่นงานเขา เขาก็เดินทางมาหาผมที่กรุงเทพฯ ด้วย "น้ำตานองหน้า" บอกว่า พรรคเพื่อไทยทิ้งเขา แต่ผมไม่ทิ้งเขา ผมจะไปช่วยเขา เพราะช่วงที่เขาถูกจับเรื่องประชามติ มีความพยายามสอบสวนเขาให้ซัดทอดว่าพรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลัง แต่เขาไม่ยอมซัดทอดแม้แต่เพียงคำเดียว
ดังนั้นผมมีแผลใจกับนายกฯ ทักษิณ เพราะนายกฯ ทักษิณ ก็ออกแรงมาก ยกขบวนไปทั้งพรรค ใช้กลไก 3 นายกรัฐมนตรี ก็ชนะกัน 4 แสนคะแนน ต่อ 3.5 แสนคะแนน ห่างกันนิดเดียว เสร็จแล้วเรื่องนี้ก็จบไปโดยปริยาย ผมไม่เกี่ยวข้องใดๆ อีกเลย
จนกระทั่งไม่กี่วันมานี้ก็มาพูด ผมถึงบอกว่า เราประสบเรื่องราวกับนายกฯ ทักษิณมามาก เหมือน "กลืนเลือดมาจ่อที่คอหอยแล้ว พอกระแทกซ้ำแผลใจ มันเท่ากับสำลักเลือดออกมา"
สาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากรับเงินจริง ขอให้มีอันเป็นไป พินาศย่อยยับ
อดีตแกนนำ นปช.กล่าวอีกว่า ผมก็ไม่รับเงินค่าจ้างอะไรมา มันจะไม่มีความเป็นธรรมชาติ ผมก็อธิบายในรายการว่า ผมชอบไปไหว้ "พระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง" ก็สาบานกันว่าถ้ารับเงินค่าจ้างมาจะเป็น 70 ล้าน เป็น 100 ล้าน นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าแล้ว ก็วิญญาณวีรชน ก็ขอให้มีอันเป็นไป ขอให้พินาศย่อยยับ ฉะนั้นเขาเรียกว่าวิชามารต่ำช้า เพราะมีการพูดขึ้นมาลอยๆ แล้วสร้างจินตนาการ และวิสัยคนไม่กล้ายื้อ เพราะถ้าระบุชื่อผมฟ้องเลย ถ้าผมเป็นคนอย่างนั้น ป่านนี้พรรคเพื่อไทยถลกหนังแดงเถือกแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อตอบคำถามผมไม่ได้เลย ก็เอาสมาชิกระดับปลายแถว ตั้งแต่ชุมนุมกันมาผมไม่เคยเห็นเขาขึ้นเวที ไม่เคยเห็นขึ้นพูดในที่ชุมนุมเป็นดาราเสื้อแดง ใกล้ๆ แล้วก็โดนคดีขี้หมา ที่สุดคือไม่มารายงานตัวช่วงยึดอำนาจ จนกระทั่งหนีไปหลายปี เพราะคำสั่ง คสช.ยกเลิกเขาถึงกลับมา ซึ่งผมอยู่ในประเทศไทยขนาดโดนคดีโทษประหารชีวิตยังไม่หนีเลย
ท้า "โด่ง" อรรถชัย แน่จริงระบุชื่อสิ จะได้ฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ตั้งแต่ผมพูดมา พวกคุณก็ไม่มีใครกล้าตอบ จนถึงวันนี้ก็เอาคนแบบนี้มาใส่ร้าย เอาดารากระจอกงอกง่อยแบบนี้มากล่าวหา จ.จาน โจมตีนายกฯ ทักษิณ เพื่อไม่ให้เลือกพรรคเพื่อไทย แล้วให้ไปเลือกพรรคประชาธิปไตยพรรคอื่น หมายความว่าอย่างไร เล่นการเมืองแบบนี้ ถ้าแน่จริงก็ตอบมาสิครับว่า เป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์
ลั่น วันนี้อดทน กลืนเลือดมาถึงที่สุด ถึงคอหอยแล้วไง ก็สำลักเลือดออกมา
"ผมบอกผมอดทนกับนายกฯ ทักษิณมา ต้องกลืนเลือดมาถึงที่สุดแล้ว ฉะนั้นเมื่อผมพูดตอกย้ำก็เหมือนฟ้าฟาดกลางใจ ใจสลายแล้วที่เหลือก็ยับเยินไปคนละข้าง แล้วถามจริงๆ ปกติพรรคนี้ก็ปากดีทุกคน ตั้งแต่นายกฯ ทักษิณลงมา แล้วทำไมไม่ตอบคำถามล่ะ แล้วกลับเอาลูกกะจ๊อกมาพูดแล้วอ้างตัวย่อ จ." นายจตุพร กล่าว...
ผมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกวัน วิจารณ์ 3 ป.ทุกวัน ถ้านายกฯ ทักษิณ ไม่มายุ่งกับผม ผมจะไปยุ่งนายกฯ ทักษิณเหรอ แต่ว่าดูแคลนจนเสียนิสัยไง คิดว่าผมก็คงทนได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่มาวันนี้ "ผมกลืนเลือดถึงคอหอยแล้วไง ก็สำลักเลือดออกมา" ฉะนั้นผมก็บอกแล้วว่า ถ้าเล่นกับผม สู้กับผม แล้วมาใช้วิธีการแบบนี้ มันจะไม่มีทางจบได้เลย เพราะผมซัดกลับทุกกรณี
หากวันใดวันหนึ่งข้างหน้า "ทักษิณ" กลับมาง้อ จะกลับไปไหม?
นายจตุพร กล่าวว่า นายกฯ ทักษิณ ประกาศเองไม่ง้อใคร ผมก็อยู่กลุ่ม "ไม่แคร์" นายกฯ ทักษิณพูดเอง วันนี้ถ้าเราเองไม่ถึงที่สุด ทนมาได้ตั้งนาน แต่อย่างที่บอก คนมันสะสมตามลำดับ แล้วเรารับชะตากรรมมากที่สุด เป็นแกนนำที่เข้าคุก ออกคุกมากที่สุด ก็เจียนไปเจียนมาจนถูกเขาจะฆ่าไม่รู้สักกี่รอบ ว่า ก็ยังยืนหยัดในการต่อสู้ เพียงแต่ว่ามันก็ควรเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์บ้างไม่ใช่เหรอ บางครั้งเราทนถูกเหยียบย่ำบ้างบางเวลา แต่บางเวลาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์เรื่องนี้ แล้วก็ใช้วิธีให้สมาชิกพรรคปลายแถวมาทำแบบนี้ สมากชิกพรรคเพื่อไทยกระจอกได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไหนคุณลองบอกซิ ชื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผมแจ้งความจับทันทีเลย
ถามจริงๆ รู้สึกกลัวบ้างหรือไม่ เพราะหากคิดไปก็อาจมีอันตรายถึงชีวิต
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ "พฤษภาทมิฬ 2535" ฆ่ากัน "เลือดนองท้องช้าง" ผมยังหลุดมาสู้ที่รามคำแหงคนเดียว ปี 2553 ขณะทุกคนวิ่งหนีหมดแล้ว ผมก็ยังยืน หลังยุติชุมนุมแล้ว ผมยังเดินสายไปทั่วประเทศ ทั้งที่ทุกคนเตือนให้หนี นายกฯ ทักษิณ ก็มาบอกให้ผมหนี ผมก็ยังไม่หนี อยู่เมืองไทยโอกาสรอดน้อยมาก นั่นคือการสู้กับศัตรู
ทิ้งท้าย คนเราเกิดมาต้องตายทุกคน หนีไม่พ้น คิดถึงประเทศชาติบ้าง อย่าเห็นแก่ตัวให้มันมากนัก
"วันนี้ก็มีคนมาเตือนอีกเหมือนกันว่า ระวังตัว ผมผ่านการตายมาเยอะแล้ว ถ้ามันต้องตาย มันก็ต้องตาย มันจะไปกลัวอะไร สู้กันมาถึงขนาดนี้แล้ว เรื่องแค่นี้ แล้วคุณนะครับก็พูดมาสิว่า ทำหรือไม่ทำ ใช่หรือไม่ใช่ ก็อธิบายสู้ จะคิดฆ่ากันเองเลยเหรอ คือหมายความว่า คนก็กลัวว่าผมจะต้องโดนเหมือนหลายคนที่โดน แต่ผมบอกเลยว่า อย่าเอาวิธีการอย่างนี้มาขู่ มนุษย์เรา พระพุทธเจ้าก็สอน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกคนหนีกันไม่พ้นทั้งนั้นล่ะ แต่ว่าเราต้องอยู่ด้วยความจริง คิดถึงประเทศชาติบ้านเมืองบ้าง อย่าเห็นแก่ตัวให้มันมากนัก" นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
คงต้องจับตาดูคู่ "ทักษิณ-จตุพร" คล้ายกรณี 2 ป. ว่า ตกลงแตกหักกันแล้วจริงใช่หรือไม่? กลายเป็นความเหมือนที่แตกต่างแบบไม่ได้นัดหมาย แต่ต้องบอกว่าคู่นายใหญ่กับอดีตลูกน้องนั้นหนักกว่ามาก แต่สุดท้ายเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่า จุดจบ... จะเป็นเช่นไร.
ผู้เขียน: เดชจิวยี่
กราฟิก: Jutaphun Sooksamphun