ผู้ว่าฯ “ชัชชาติ” ย้ำเตือน 5 เรื่องในการประชุมแรกของปี 2566 โต้ไม่สานต่องาน “อัศวิน” ยืนยัน ยังไม่หยุดเดินเรือคลองผดุงกรุงเกษม แต่พิจารณาแนวทางคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
วันที่ 5 ม.ค. 2565 ภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมระดับผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการเขต ครั้งแรกของปี 2566 ซึ่งเป็นการจัดรูปแบบใหม่ โดยให้รองปลัดกรุงเทพมหานครที่รับผิดชอบแต่ละสำนัก แต่ละเขต มารายงานความคืบหน้า โดยมีเรื่องที่ต้องย้ำเตือนอยู่ 5 เรื่อง ดังนี้
1. ความโปร่งใสในการบริการต่างๆ เนื่องจากยังมีคนร้องเรียนเรื่องการขอใบอนุญาตหรือปัญหาต่างๆ อยู่ ยังยืนยันว่าเรื่องความโปร่งใสนี้จะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
2. หาบเร่-แผงลอย ต้องน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป คือเมืองเปิด โควิดหาย คนออกมาทำงานปกติ นักท่องเที่ยวกลับมาเยอะ พอมี Demand (ความต้องการ) เราก็จะเริ่มเห็นหาบเร่-แผงลอยกลับคืนมา ก็ได้ย้ำกับ ผอ.เขต ว่า เรื่องความมีระเบียบของเมืองและทางเดินเท้าเป็นอันดับ 1 จุดที่กีดขวางต้องห้ามเลย แต่บริเวณไหนที่จะให้คนที่รายได้น้อยได้พอทำมาหากินโดยไม่เกะกะก็ให้พิจารณาให้เป็นไปตามระเบียบ แต่ไม่มีนโยบายที่จะให้กลับมาคืนมาเต็มถนน ที่ผ่านมาเราทำได้หลายจุดแล้ว อาจจะมีบางจุดยังมีการฝ่าฝืนอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็ทำได้ค่อนข้างดี
3. ทางเดินเท้า ในส่วนที่มีการปรับปรุงใหม่ ต้องได้มาตรฐาน อย่างน้อยคนพิการต้องเดินทางได้
4. ไฟฟ้าแสงสว่าง ตอนนี้จะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนจากหลอดไฟเดิม (High Pressure Sodium) เป็นหลอดไฟ LED ประมาณ 25,000 ดวง ได้ให้เขตเร่งสำรวจ และให้สำนักการโยธาเร่งดำเนินการ สำหรับจุดที่ขาดให้รีบเร่งติดตั้งไฟเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
...
5. ทางม้าลาย ที่ได้ทำไปเยอะแล้ว โดยปรับให้อยู่ในสภาพดี มีความปลอดภัย โดยเฉพาะที่เป็นจุดเสี่ยงต่างๆ
ส่วนนโยบายอื่นๆ ยังคงเดินหน้าตลอด เช่น ถนนสวยในทุกเขต ระยะทางรวม 151.5 กิโลเมตร การผนวกแพลตฟอร์ม Traffy Fondue เข้ากับระบบรับเรื่องราวร้องทุกข์ 1555 หากมีโทรศัพท์เข้ามาก็สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเป็นฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้ไม่มีข้อมูลร้องเรียนตกหล่น ฉะนั้น เรื่องความคืบหน้านโยบายต่างๆ คืบหน้าไปด้วยดี และจะมีการติดตามงานเป็นระยะ
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวจะไม่สานต่อโครงการต่างๆ จาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. นั้น นายชัชชาติ ให้คำตอบว่า หลายโครงการที่ พล.ต.อ.อัศวิน ทำมาเป็นโครงการที่ดี เช่น การเดินเรือคลองผดุงกรุงเกษม การปรับปรุงคลองโอ่งอ่าง เป็นต้น ซึ่งการเดินเรือคลองผดุงกรุงเกษม ยังไม่ได้หยุดเดินเรือ เพียงแต่ให้มีการประเมินสถานการณ์ว่าจะดำเนินการแนวทางใดต่อ เพราะปัจจุบันไม่มีการเก็บค่าโดยสารแต่มีผู้ใช้บริการน้อย ซึ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการประมาณ 5,000 คนต่อเดือน ตอนนี้ประมาณ 14,000 คนต่อเดือน แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือประมาณ 2.4 ล้านบาท ตกคนละ 171 บาทต่อเที่ยว ถือว่าค่อนข้างแพง จึงประเมินว่ามีทางเลือกอื่นที่คุ้มค่ากับประชาชนมากขึ้นหรือไม่เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป หรือโครงการปรับปรุงคลองโอ่งอ่างก็ทำไว้ได้ดี ที่ผ่านมาก็มีการจัดงานเทศกาลทิวารีที่คลองโอ่งอ่าง มีการเรียกผู้ประกอบการมาหารือแนวทางดำเนินการต่อไป และขอบคุณอดีตผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้ทำหลายๆ โครงการไว้ เป็นโครงการที่เรามารับไม้ต่อ
ขณะที่แนวทางการจัดเก็บค่าโดยสารการเดินเรือ เพื่อมาช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินเรือนั้น หากต้องติดตั้งระบบจัดเก็บค่าโดยสารก็อาจมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น สิ่งสำคัญคือจะหาลูกค้าหรือผู้ใช้บริการอย่างไร เชื่อมต่อการเดินทางระบบอื่นเพิ่มเติมได้หรือไม่ ยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิก เพียงแต่ดูถึงความคุ้มค่าที่เกิดขึ้น ถ้าเคยใช้บริการจะรู้ว่าเรือวิ่งช้ามาก เรือวิ่งเร็วไม่ได้ นั่งรถริมคลองเร็วกว่า ไม่ได้ตั้งใจยกเลิกการเดินเรือ ซึ่งได้มอบให้ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. ดูว่าผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบหรือไม่ บริเวณนั้นมีทางเลือกในการเดินทางหลายทางเลือก อาจมีโอกาสปรับเป็นการเดินเรือช่วงสั้นก่อน โดยคิดเรื่องประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
“ส่วนที่อาจมีการตั้งคำถามว่าถ้าไม่เดินเรือต่อแล้วเรือที่ซื้อมาจะทำอะไร บางครั้งเราซื้อมาแล้วเสียเงินไปแล้ว แต่ถ้าทำต่อต้องเสียเงินเพิ่มอีกต้องคิดดีๆ ว่าทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ได้แค่กังวลว่าจะเอาเรือมาใช้อะไรแล้วจ่ายเงินเพิ่มลงไปอีก เรียนว่าไม่ได้มีอคติใดๆ ขอบคุณที่ได้เริ่มเดินเรือ ปัจจุบันยังไม่ได้มีการเก็บค่าบริการ แต่ผู้ใช้บริการยังน้อย ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
อย่างไรก็ตาม นายชัชชาติ ยังเปิดเผยด้วยในช่วงท้ายว่า ในวันที่ 9 ม.ค. 2566 กรุงเทพมหานครได้กำหนดจัดพิธีทำบุญวัดคู่เมือง พร้อมทั้งเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมถวายพระพรแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายประชวรด้วย ซึ่งมีการเชิญผู้แทนพระจาก 460 วัดในกรุงเทพมหานคร มาร่วมพิธี โดยจะทำในรูปแบบการสวดมนต์ มี สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย ธมฺมธโช) พระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานในพิธี รวมถึงจะมีการพูดคุยหารือว่า กรุงเทพมหานครกับวัดจะร่วมมือกันอย่างไรได้บ้าง เพราะโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครหลายแห่งก็อยู่ในวัด.