“จุรินทร์” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ยัน ชัดเจน รัฐบาลจัดประชุมเอเปกไม่เกี่ยวการเมือง ย้ำ เน้นทำประโยชน์ให้ประเทศและเศรษฐกิจไทย ผลสำเร็จเยือนซาอุดีอาระเบีย ทำรายได้ให้ประเทศมหาศาล มูลค่ากว่า หมื่นล้านบาท 

วันที่ 8 พ.ย. 2565 เวลา 14.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประเด็นการประชุมเอเปกเอกชนที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ที่เอกชนอยากให้มองก้าวข้ามเรื่องการเมืองมองการค้าเป็นหลัก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีใครเอาเรื่องการเมืองไปเกี่ยว ตนนั่งเป็นประธานในที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเปกมาแล้วในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มตั้งแต่ต้นปีแล้ว และตนเป็นประธานที่ประชุมได้ข้อสรุปในส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจการค้าของกลุ่มเศรษฐกิจมาก เช่น 1.ตั้งเป้าหมายว่าในอนาคตจะปรับรูปแบบจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปเป็น FTA เอเปก หรือ FTAAP ซึ่งจะช่วยให้ความผูกพันทางการค้า มีกฎกติกาชัดเจนเป็นเขตการค้าเสรี ซึ่งจะทำให้ FTAAP หรือเขตเศรษฐกิจเอเปกเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่ RCEP และจะดำเนินการขับเคลื่อนให้องค์การการค้าโลกปรับกฎเกณฑ์กติกาให้เป็นธรรมกับประเทศทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาก็ตาม รวมทั้งที่เราตั้งเป้าว่า จะขับเคลื่อน BCG โมเดล จะมีส่วนผลักดันในที่ประชุมเอเปกต่อไปด้วย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองเป็นเรื่องของการทำหน้าที่ระหว่างประเทศ ระหว่างขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าและในที่ประชุมที่ตนเป็น ประธานประสบผลสำเร็จและได้แถลงผลการประชุมแล้ว ซึ่งกำลังให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ดำเนินการว่าระหว่างการประชุมเอเปกซัมมิทครั้งนี้ ตนจะต้องหารือกับระดับทวิภาคีกับประเทศใดบ้าง ซึ่งให้แนวทางไปแล้วรอผลว่าจะว่างตรงกันหรือไม่

...

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงผลคืบหน้า การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของนายจุรินทร์ ซึ่งนายจุรินทร์ได้ตอบว่า สำหรับเรื่องการค้ากับประเทศ ซาอุดีอาระเบีย ได้ดำเนินการต่อเนื่องประสบความสำเร็จมาก ในการที่ตนนำคณะเอกชนเยือนซาอุฯ ได้ตัวเลขการค้า 10,000 กว่าล้านบาท ทำให้มีโอกาสเกิด FTA ไทยกับกลุ่ม GCC หรือ Gulf Cooperation Council เป็นกลุ่มความร่วมมือของ ประเทศรัฐริมอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ ประกอบไปด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กาตาร์ และบาห์เรน ได้ในอนาคต ซึ่งซาอุดีอาระเบีย รับหลักการในเรื่องนี้จะช่วยประสานให้ นอกจากนั้นเรื่องตัวเลขที่จะซื้อขายระหว่างกันเบื้องต้น 10,000 กว่าล้านบาท ที่ได้ข้อสรุป ที่สำคัญเราสามารถนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียได้เพิ่มอีก 100,000 ตัน และล่าสุดซาอุฯ อนุญาตให้เราส่งออกไก่ไปซาอุฯ ได้ ก่อนหน้านี้ส่งได้เฉพาะไก่ทั้งตัว จากนี้สามารถส่งไก่ที่เป็นชิ้นส่วนได้ รวมทั้งไก่ต้มสุก ที่พยายามมานาน ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล จะทำตัวเลขการส่งออกไทยไปซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้น และจะหาโอกาสพูดคุยต่อไปในอนาคตในช่วงเอเปกซัมมิท.