“ประยุทธ์” ขอเวลาแก้ปัญหาบ้านเมือง ตั้งหลักจบประชุมเอเปกตอบอนาคตการเมือง “บิ๊กป้อม” บอกยังไม่ได้คุย “บิ๊กตู่” ร่วมชายคา พปชร. หลังลือหึ่งจ่อซบรวมไทยสร้างชาติ ไล่ไปถามนายกฯตัดสินใจ ลั่นไม่ห้าม “ไปเลย จะไปไหนก็ไป ไม่ว่าอะไร” ระบุ 3 ป.สนิทกันมา 40-50 ปี จะแยกก็แยกไป ไม่เป็นไร “สมคิด” ตอกลิ่ม 3 ป.แตกยับ ต่อหน้ารักกัน ลับหลังไม่เต็มร้อย โอ่ พท.จะแลนด์สไลด์เป็นรัฐบาลพรรคเดียวให้ดู “ชินวรณ์” เหน็บพรรคใหม่แค่บอนสีฮิต วูบเดียวดับ เตือน ภท.ไม่อยากให้ พ.ร.บ.กัญชาฯแท้ง ต้องฟังเสียง ส.ส. มท.1 ถอยชง ครม.ถอนร่างกฎกระทรวงขายที่ดินต่างด้าว กลับไปรับฟังความเห็น ปชช.ก่อน อธิบดีกรมที่ดินอ้าง พ.ร.บ.ว่า ด้วยการร่างกฎหมายฯ บังคับใช้คาบลูกคาบดอก ดึงเรื่องออกมาตั้งหลักใหม่

จากกรณีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะแยกตัวไปเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ระบุจะตอบคำถามเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองหลังการประชุมเอเปก ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ บอกไม่ห้ามหาก พล.อ.ประยุทธ์จะไปอยู่พรรคอื่น

...

นายกฯขอเวลาแก้ปัญหาต่างๆ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 7/2565 ว่า การประชุม กพช. มีหลายอย่างที่เป็นมาตรการที่เราจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันสถานการณ์ โดยสถานการณ์วันนี้เป็นสถานการณ์วิกฤติกับทุกประเทศในโลก หลายอย่างที่รัฐบาลใช้เวลาในช่วงที่ผ่านมาและเวลานี้เราต้องปรับตัวให้สามารถรับมือสถานการณ์วิกฤติต่างๆ เพราะเราเป็นห่วงโซ่เดียวกันในหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นการค้า การลงทุน เศรษฐกิจต่างๆ รัฐบาลขอใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

ขอความร่วมมือทำบ้านเมืองสงบ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ช่วงนี้จะมีการประชุมที่สำคัญ 2 อย่างคือ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 10-13 พ.ย. เมื่อกลับมาแล้วเตรียมการประชุมเอเปก 2022 จะมีผู้นำทยอยเดินทางมาช่วงก่อนวันที่ 18-19 พ.ย. เป็นการประชุมใหญ่ จึงขอความร่วมมือจากพวกเราในทุกภาคส่วน อะไรที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ปลอดภัย ขอแรงด้วย โดยเฉพาะการเสนอข่าวต่างๆ ขออย่าให้มีผลกระทบซึ่งกันและกัน เพราะส่วนตัวถือว่าการประชุมทั้ง 2 ส่วน ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าวันนี้ทุกภูมิภาคทุกประเทศโดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจให้ความสำคัญประเทศในภูมิภาคอาเซียนอย่างที่สุด มีหลายประเทศต้องการจะมาลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย จึงขอให้ทุกคนคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ขอร้องไปยัง บรรดากลุ่มต่างๆด้วย ขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันเฝ้าระมัดระวัง

จบเอเปกตอบอนาคตการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า “เรื่องการเมือง ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของสื่อของข่าวที่ออกมากันทั้งหมด เพราะฉะนั้นขณะนี้ขอให้ความสำคัญกับการประชุมของผมก่อน เป็นเรื่องของประเทศชาติ ผมให้ความสำคัญกับเรื่องตรงนี้มากกว่า ขอยังไม่พูดอะไร” เมื่อถามย้ำว่าหลังเอเปกจะให้คำตอบหรือไม่ว่าจะอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์พยักหน้ารับแทนคำตอบ เมื่อถามว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะยอมถอยมติ ครม.ที่เห็นชอบร่างกฎกระทรวงมหาดไทยการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถามนี้ ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

“บิ๊กป้อม” บอกยังไม่คุย “ตู่” ร่วม พปชร.

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เกี่ยวกับเข้าร่วมพรรค พปชร.แล้วหรือยังว่า ไม่ได้พูดคุย เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์จะไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “อันนั้นเป็นเรื่องของท่านนายกฯ ต้องไปถามท่าน มาถามอะไรผมเล่าและไม่ได้คุยกันเรื่องนี้” เมื่อถามว่า พปชร.พูดถึงเรื่องแคนดิเดตนายกฯของพรรคแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุย ยังไม่ได้มีการประชุมจะประชุมเมื่อใดยังตอบสื่อไม่ได้ เพราะยังไม่ได้นัด ต้องนัดสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรคประชุมร่วมกัน

3 ป.สนิทกัน 40-50 ปีจะแยกก็แยก

เมื่อถามว่าด้วยความเป็นพี่น้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ เหตุใดไม่คุยกันให้ชัดเจน เพื่อจะได้วางแนวทางการทำงาน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เอ่อ คุณก็มาเป็นผมสิ” เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรกับพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่แยกกันเดินใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้ ผมไม่รู้ ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ไม่พูดเรื่องนี้” เมื่อถามว่า 3 ป.จะไม่แยกจากกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่แยก หรอก จะไปแยกกันอย่างไร สนิทกันมา 40-50 ปี” เมื่อถามย้ำว่า แต่สิ่งที่มีการสื่อออกมาเหมือนจะแยกพรรค พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็แยก ก็แยกไปไม่เป็นไร” เมื่อถามต่อว่า เป็นลักษณะแยกกันเดินรวมกันตีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้”

ไม่ห้าม “ตู่” ไปไหนก็ไป ไม่ว่าอะไร

เมื่อถามว่า ส.ส.หากรอความชัดเจนนานอาจย้ายพรรคไป พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เป็นไร การเมืองก็ว่ากันไป เมื่อถามว่านายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร.ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ กระแสความนิยมไม่ดีเหมือนเดิม พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของบุคคลไม่ใช่เรื่องของพรรค เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรค พปชร. ต้องประเมินคะแนนนิยมคนที่จะเป็นแคนดิเดตพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของสมาชิกพรรค ไม่ใช่เรื่องของตน ที่แสดงความคิดเห็นช่วงนี้ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ต้องตักเตือนอะไร เป็นเรื่องความคิด ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเองจะไปปรามทุกคนได้อย่างไร แต่เมื่อประชุมพรรคกันต้องลงคะแนนเท่านั้นเอง ว่าไปตามหลักประชาธิปไตย เมื่อถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่พรรค พปชร. อาจขน ส.ส.ไปด้วย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไปเลย ไปไหนก็ไป ผมไม่ว่าอะไร ใครอยากไปไหนเป็นเรื่องของตัวบุคคล” เมื่อถามอีกว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จะไปไม่ห้ามใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ห้าม ตนไม่ห้ามใครทั้งนั้น

ปัดไม่เคยคุย “คุณหญิงพจมาน”

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา สมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย จะกลับมาร่วม พปชร.ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่รู้ เรื่องนี้ต้องถามทางพรรค เพราะเราทำงานกันในรูปแบบพรรค ไม่ใช่ถามที่ตน ตนจะทำอะไรได้ ที่ผ่านมายังไม่มีการติดต่อเข้ามา เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรสดใสเหมือนเคลียร์ปัญหาต่างๆแล้ว พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้องเคลียร์ เพราะตอบตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องสยบข่าวลืออะไร เพราะที่ลือกันไปสื่อเขียนกันเอง เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว พปชร.จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย (พท.) พล.อ.ประวิตรปฏิเสธว่า ไม่มีๆ เมื่อถามย้ำว่าจะคุยกันหลังเลือกตั้งเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ค่อยว่ากันหลังเลือกตั้ง” เมื่อถามว่าได้คุยกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าไม่เคยคุย

“ชัยวุฒิ” ชี้พรรคเป็น ปชต.เห็นต่างได้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์กรณี ส.ส.พปชร.ระบุชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม อาจขายไม่ได้ และมีกระแสข่าวว่าพรรค พปชร.จะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคว่า ข่าวบางครั้งไม่มีแหล่งข่าวชัดเจน อาจวิเคราะห์คาดการณ์กันไป ยังมีเวลาจะพูดคุยกันว่าใครจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ละคนมีความคิดของตัวเอง ไปบังคับให้คิดเหมือนกันไม่ได้ ถ้าไม่พอใจหรือคิดว่าอะไรไม่เหมาะสมมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ได้ พรรคต้องไปดูแยกระหว่างความเห็นส่วนบุคคลกับความเห็นพรรค ทุกพรรคมีปัญหาหมด ต้องมีความเห็นต่างกันบ้างเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการ พรรคนี้ให้สิทธิ์ทุกคนพูดเต็มที่อยู่แล้ว เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่กับ พปชร.นายชัยวุฒิกล่าวว่า ต้องถามนายกฯ แต่ตนอยู่กับ 3 ป.คิดว่าทุกคนก็อยู่ ทำงานด้วยกันเป็นทีม

“ชินวรณ์” ยักไหล่พรรคใหม่แค่บอนสี

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม จะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ จะส่งผลกระทบต่อฐานเสียงภาคใต้หรือไม่ ว่า การเปลี่ยนแปลงการเมืองเกิดขึ้นตลอดเวลา ช่วง 35 ปีที่เป็น ส.ส.มีทั้งพรรคเกิดใหม่ พรรคล้มหายตายจาก วันนี้ประชาชนยึดนโยบายและอุดมการณ์ของพรรคเป็นตัวตั้งมากกว่า ภาคใต้ยังเชื่อมั่นว่าคนใต้จะตัดสินใจทางการเมือง ยึดถือหลักอุดมการณ์และนโยบาย จะเปรียบเทียบพรรคที่มีอุดมการณ์และนโยบายต่อเนื่องชัดเจนเหมือนยางพารา ส่วนพรรคตั้งขึ้นมาใหม่เหมือนบอนสีอาจดังเป็นคราวๆไปตามบุคคลที่เป็นแกนนำพรรค อยากให้กำลังใจนายกฯ ทำงานมา 8 ปีแล้วอยากให้ท่านได้เป็นรัฐบุรุษต่อไป

ก.ม.กัญชาไม่อยากแท้งต้องฟัง ส.ส.

นายชินวรณ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวอีกว่า การประชุมสภาฯเดือน พ.ย.จะเว้นสัปดาห์ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเปก แล้วไปจัดประชุมนัดพิเศษวันที่ 25 พ.ย. ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาหลังการประชุมเอเปก ที่ผ่านมาวิปรัฐบาลมีมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก เพียงแต่ย้ำว่ามีการแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนมาก จึงเปิดโอกาสให้ ส.ส.แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ มติจะเป็นอย่างไรต้องฟังเหตุผลในสภาฯ ส่วนวิวาทะระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย เคยพูดคุยกันแล้วว่างานนิติบัญญัติควรร่วมมือกันทุกพรรค เพื่อตรวจสอบกฎหมายให้เรียบร้อย ถ้าไม่ช่วยกันแสดงความคิดเห็น เวลาส่งไป ส.ว.จะแก้ไขมากและจะไม่ผ่าน เห็นได้จากร่าง พ.ร.บ.เงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่ ครม.เสนอให้ปรับลดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 2 พรรค ปชป.เสนอให้ลดลงมาเหลือร้อยละ 0-1 แต่พรรค ภท.เสนอว่าไม่ควรมีดอกเบี้ย จนเสียงข้างมากชนะ แต่วันนี้ ส.ว.แก้ไข จะแก้ไขสาระสำคัญ ไม่แน่ใจว่าจะประกาศใช้ทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ หากไม่ทันจะกระทบผู้ได้ประโยชน์ เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง อยากให้พิจารณาโดยรอบคอบ โดยไม่เอาผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นตัวตั้ง

พท.ไม่สนใจ 3 ป.แตกร้าว

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ไม่ยื้อหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว. กลาโหมจะไปพรรคอื่นว่าเป็นเรื่องภายในพรรคพปชร. คนในพรรค พปชร.หลายคนบอกถ้าจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคต่อ อาจอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติงาน ไม่มีผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย เราสนใจเพียงว่าต้องทำงานให้หนักเพื่อให้ประชาชนเลือก เมื่อถามว่าหาก พล.อ.ประวิตรขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯจะส่งผลดีต่อพรรค พท. แลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน แต่ละพรรคต่างชูแคนดิเดตนายกฯของตัวเอง ไม่ว่าจะชูใครทุกคนคือคู่ต่อสู้ทางการเมือง

โอ่ พท.จะแลนด์สไลด์ตั้ง รบ.พรรคเดียว

เมื่อถามว่าจะเป็นชนวนรอยร้าวของ 3 ป. และส่งผลกระทบต่อรัฐบาลช่วงนี้หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า มีผลกระทบแน่ อย่างน้อยถ้าดูตามข่าว 3 ป.ทำตัวเหมือนรักกัน ความจริงเขาคงไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กัน ต่อหน้าสังคมต้องเป็นพี่เป็นน้อง แต่เรื่องจริงเห็นชัดว่าแตกแยก ข้างในคุณจะสวีตหวานอย่างไรก็ช่าง แต่การปฏิบัติตัวข้างนอกมันเห็นได้ชัดอยู่ เมื่อถามถึงกระแสข่าวการจับมือร่วมกันของพรรค พท.และพรรค พปชร. นายสมคิดกล่าวว่า ไม่มีเรื่องดีลระหว่างกัน ยืนยันว่าวันนี้พรรค พท.ยังไม่คิดจะจับมือใครทั้งนั้น เราจะทำแลนด์สไลด์ให้เห็น และเป็นรัฐบาลเพียงพรรคเดียว

อัด “บิ๊กตู่” ทอดทิ้งเหยื่อหนองบัวลำภู

นายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุการณ์สังหารหมู่ ที่ จ.หนองบัวลำภู ทั่วโลกจับตามองจากเหตุการณ์นี้นายกฯ จะมีมาตราการแก้ปัญหาอย่างไร คนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่ทราบดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นสาเหตุมาจากยาเสพติด หลังเกิดเหตุการณ์รัฐบาลประกาศให้ จ.หนองบัวลำภูเป็นพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติด แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น ทุกอย่างเหมือนเดิม ยาบ้ากลับมาขายในพื้นที่ หนักสุดใช้เด็กเยาวชนส่งยา มีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนรู้เห็นเป็นใจ นายกฯต้องจริงจังจริงใจแก้ปัญหายาเสพติด ไม่ควรสร้างภาพเพื่อนัยทางการเมือง แต่ไม่ทำอะไรทั้งที่มีอำนาจมากมาย แต่กลับเกรงใจใครอยู่หรือเปล่า น่าประหลาดใจคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิต ถ่ายรูปสร้างภาพ ประกาศเร่งเยียวยาให้เร็วที่สุด ผู้เสียชีวิตจะได้เงินเยียวยาไม่เกินครอบครัวละ 1.1 ล้านบาท ผ่านมานาน 1 เดือนเงินเยียวยามาช้ามาก 37 ชีวิตได้เงินเยียวยาครอบครัวละไม่ถึง 300,000 บาท นายกฯและ ครม.ไปถ่ายรูปเอาหน้า แต่กลับไม่ดูแลญาติผู้เสียชีวิต หรือชีวิตประชาชนคนจนไม่สำคัญสำหรับรัฐบาลทหาร

มท.1 ชงถอนร่าง ก.ม.ต่างชาติซื้อที่ดิน

อีกเรื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 25 ต.ค.มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การได้มาซึ่งที่ดิน เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ... ถูกวิพากษ์วิจารณ์และเกิดกระแสคัดค้าน ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ลงนามคำสั่งขอถอนเรื่องออกจากมติ ครม.แล้ว และได้มีหนังสือมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)โดยให้เหตุผลว่า เพื่อนำกลับไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนให้รอบคอบก่อน และฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะนำมาสรุปพิจารณาและเสนอ ครม.ต่อไป ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก พล.อ.อนุพงษ์ไปตอบกระทู้ที่ประชุมสภาฯเรื่องดังกล่าวสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าเลขาธิการ ครม.จะบรรจุเรื่องดังกล่าวเข้ามาในวาระจร แจ้ง ครม.เพื่อทราบในการประชุมวันที่ 8 พ.ย.

พ.ร.บ.ร่าง ก.ม.บังคับใช้ต้องรับฟังก่อน

นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ลงนามเอกสารขอถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ออกจากมติครม.ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไปยัง พล.อ.ประวิตร ขอถอนเรื่องตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เช้าวันที่ 7 พ.ย. พล.อ. ประวิตรลงนาม กรมที่ดินส่งเรื่องไปยัง สลค.เรียบร้อย เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความห่วงใย อีกทั้งพ.ร.บ.ว่าด้วยการร่างกฎหมายและประเมินผลสัมฤทธิ์ทางกฎหมาย เพิ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 6 ต.ค.65 มีเนื้อหาว่าส่วนราชการที่ออกกฎอนุมัติอนุญาตอะไรเกี่ยวกับประชาชน ต้องรับฟังความคิดเห็นก่อน เรื่องที่ดินที่เราเสนอไปก่อนที่กฎหมายดังกล่าวจะมีผล เมื่อมีผลออกมาช่วงคาบลูกคาบดอกเช่นนี้ มท.จึงขอถอนเรื่องออกมา หาก ครม.มีมติให้ถอนเรื่องจะมาตั้งต้นกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไร เดินหน้าต่อหรือไม่อย่างไร แต่ยืนยันว่ากฎหมายไม่ใช่กฎหมายขายชาติ แม้จะดึงเรื่องออกมาแล้ว แต่ยังคงมีกฎกระทรวงเดิมเมื่อปี 45 บังคับใช้อยู่

รบ.โวเวทีเอเปกผู้นำมากันแน่น

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยถึงภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ช่วง 2 สัปดาห์นี้ว่า วันที่ 10-13 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปกัมพูชา ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เป็นประธานประชุมผู้นำแผนเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย และร่วมประชุมคู่เจรจา จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหประชาชาติ และประชุมสุดยอดอาเซียน+3 จีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก รวมถึงหารือกับภาคส่วนของอาเซียน ทั้งรัฐสภา เยาวชน และภาคธุรกิจ วันที่ 14-19 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานเปิดนิทรรศการโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) มีผู้นำที่ตอบรับเข้าร่วมประชุมเอเปกแล้ว 15 ประเทศ อีก 5 ประเทศคือสหรัฐฯ เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโกและไต้หวัน ส่งผู้แทนเข้าร่วม นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ยังรอการยืนยันตอบรับอย่างเป็นทางการ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการพบหน้ากันของผู้นำหลายประเทศในรอบ 3 ปีที่รวมตัวกันมากขนาดนี้ ขอให้คนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและเห็นศักยภาพของไทยเข้ามาลงทุนได้

“บิ๊กตู่” เข้าใจเหตุ “ไบเดน” ชิ่งเอเปก

นายอนุชากล่าวด้วยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายรอเบิร์ต เอฟ.โกเด็ก เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยนายกฯ ฝากความปรารถนาดีไปยังประธานาธิบดี โจ ไบเดน และเข้าใจดีถึงเหตุผลที่ไม่สามารถเดินทางร่วมประชุมเอเปกที่ไทย แต่คาดว่าจะได้พบกันระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชาในช่วงวันที่ 10-13 พ.ย. รัฐบาลไทยพร้อมให้การต้อนรับรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส ที่เข้าร่วมการประชุมเอเปก

นายกฯย้ำลอยกระทงรักษ์โลก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเทศกาลลอยกระทงว่า บางพื้นที่ได้จัดงานไปบ้างแล้ว ด้วยความห่วงใยขอให้ระมัดระวังการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว และลอยกระทงอย่าให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ แหล่งน้ำในเมือง หรือทะเล ทุกคนต้องช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อม

ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานงาน “ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสานประเพณีไทย สู่ความยั่งยืน” ที่คลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรมไทย เวลา 16.00 น. วันที่ 8 พ.ย.

“วัชระ” ยื่นสอบล็อบบี้อาหาร ส.ส.

ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ได้ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯตรวจสอบการคัดเลือกผู้ประกอบการจัดอาหารและเครื่องดื่มให้ ส.ส.เนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ โดยนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาฯ มีคำสั่งแต่งตั้งผู้ประกอบการเพื่อให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ปรากฏข่าวว่าข้าราชการที่เป็นกรรมการคัดเลือกผู้ประกอบการให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ส.ส. ถูกบิ๊กนักการเมืองที่มีอำนาจในสภาฯโทรศัพท์ข่มขู่ บังคับลงคะแนนให้ผู้ประกอบการรายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.พรรคสีส้ม มีการให้เงิน 10,000 บาทกับ ส.ส.ตัวแทนพรรคการเมืองประเมินแบบสอบถามความพึงพอใจในรสชาติอาหารและบริการ ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ หลักจริยธรรม หลักการของประธานสภาฯ ขอให้ชะลอการประกาศผลและสอบสวนข้อเท็จจริง ข้าราชการและ ส.ส.ตัวแทนตอบแบบสอบถามรสชาติอาหารและบริการ เพราะมีการล็อบบี้เต็มที่บิ๊กนักการเมืองให้กรรมการช่วยลงคะแนนให้นักการเมืองพรรคสีส้ม พรรคก้าวไกลควรสอบสวน ส.ส.พรรคมีใครไปดำเนินการหรือไม่ ไม่ได้กล่าวหา อยากให้โปร่งใส ไม่ควรมีใบสั่งแทรกแซงจากนักการเมืองให้ลงคะแนน

“โรม” โต้ ก.ก.ไม่รับเงิน-มีคนไม่ปลื้ม

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวตอบโต้นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.ว่า ปกติผู้ประกอบการที่ได้รับการว่าจ้างสภาฯรับเหมาให้บริการอาหาร สำหรับ ส.ส.จะได้ต่อสัญญารายปี มีคณะกรรมการที่รัฐสภาตั้งขึ้นจากตัวแทนพรรคต่างๆเป็นผู้พิจารณา ร้านที่ได้รับการว่าจ้างปัจจุบันเป็นร้านที่เกี่ยวพันกับนักการเมืองบางคนฝั่งรัฐบาล จึงไม่แปลกที่การคัดเลือกครั้งนี้มีการเปลี่ยนตัวผู้ประกอบการจะนำไปสู่การเสียผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ทำให้มีการออกมาแสดงความไม่พอใจ ไม่ทราบว่านายวัชระได้ทราบมาก่อนหรือไม่ว่ามีผลประโยชน์แรงจูงใจลักษณะนี้อยู่ แต่เมื่อมีการออกมาแถลงข่าวกล่าวหากันเช่นนี้ ยืนยันในกระบวนการคัดเลือก พรรคก้าวไกลไม่มีการรับเงินทองผลประโยชน์จากใคร

“สนธิญา” หมิ่น “เสรีฯ” รอลงอาญา 2 ปี

ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.1114/2564 ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาท ฯลฯ กรณีเมื่อวันที่ 9 เม.ย.64 จำเลยยื่นคำร้องอันเป็นเท็จต่อผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวหาโจทก์ขาดคุณสมบัติ ส.ส. ทั้งให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ป.อาญา มาตรา 137,326,328 ศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดจริง การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 6 เดือนปรับ 50,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและรายงานการสืบเสาะแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป โทษจำคุก ให้รอไว้ 2 ปี

ศาลยกฟ้องเพจล้อเลียน “ประยุทธ์”

อีกคดีศาลนัดฟังคำพิพากษา ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษนายศุภชัย สายบุตร น.ส.ณัฏฐิกา หรือนัท วรธันยวิชย์ นายนพเก้า คงสุวรรณ นายธนวรรธ บูรณศิริ นายโยธิน มั่งคั่งสง่า นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรานันท์ นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา และนายหฤษฎ์ มหาทน เป็นจำเลยฐานร่วมกันก่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องขึ้นในหมู่ประชาชนหรือขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีร่วมกันแบ่งหน้าที่กันเปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “เรารักพลเอกประยุทธ์” ล้อเลียนนายกฯ ระหว่างเดือน พ.ย.58 ถึงวันที่ 7 เม.ย.59 หรือคดีแอดมินโพสต์ล้อเลียนนายกฯ โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้มีข้อความที่ไม่เหมาะสมรุนแรงเกินเลยไปบ้าง แต่ไม่ได้มุ่งหมายชักชวนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย หรือล้มล้างรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1, 3-8 แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาลเป็นไปตามสิทธิเสรีภาพในวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย ยังไม่พอฟังได้ว่าเป็นความผิดตามมาตรา 116 พิพากษายกฟ้อง

ชายชุดดำพ้นมลทินยิงทหาร

ที่ศาลอาญาศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี และนายปรีชา อยู่เย็น ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน พ.ร.บ.อาวุธสงครามฯ หรือเรียกกันว่า คดีชายชุดดำ จากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนและเครื่องยิงลูกระเบิดยิงไปที่ถนนข้าวสาร แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร หลายนัดใส่ทหารและเจ้าหน้าที่อื่น ซึ่งตั้งแนวโล่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันเหตุร้ายโดยเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ พ.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ได้รับอันตรายทุพพลภาพ ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 24 นาย ได้รับบาดเจ็บ โดยนัดนี้เบิกตัวจำเลยที่ 1 มาจากเรือนจำส่วนจำเลยที่ 2 เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ โดยศาลพิเคราะห์เเล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง