“อนุทิน” มั่นใจเศรษฐกิจไทยจะโตแบบก้าวกระโดดจากศักยภาพทางการแพทย์ ท่องเที่ยว การลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง ชี้ หลายโครงการอยู่ระหว่างลงทุน-ก่อสร้าง

วันที่ 2 พ.ย. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เห็นว่า แม้ในระยะกว่า 2 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก แต่พื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการบริหารจัดการที่ดีในช่วงการแพร่ระบาด จะทำให้ในระยะหลังโควิด-19 ไทยเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ทั้งด้วยการใช้ประโยชน์ศักยภาพทางการแพทย์ การท่องเที่ยว และการลงทุนด้านคมนาคมหลายโครงการ 

“รองนายกรัฐมนตรีเห็นว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง ที่มีการหยุดชะงักในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีเพียงการท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น แต่การส่งออก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งสนามบิน รถไฟ ขยายสาธารณูปโภคยังคงดำเนินไปปกติ การท่องเที่ยวที่ต่างชาติหายไปคนไทยก็เที่ยวกันเอง และหลังจากนี้ต่างชาติก็เริ่มกลับมาแล้ว และจะกลับมาอย่างก้าวกระโดด” 

รองโฆษกรัฐบาล ระบุต่อไปว่า การสามารถบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 จนเป็นที่ยอมรับและศักยภาพทางการแพทย์จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเข้ามาในประเทศไทยอีกมาก เช่น ล่าสุดไทยที่ได้ฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในรอบ 30 กว่าปี และขณะนี้ได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตไทยไปประจำกรุงริยาดแล้ว ได้รับข้อมูลว่ามีชาวซาอุดีอาระเบียจำนวนมากประสงค์จะเดินทางมาใช้บริการด้านสุขภาพและเดินทางท่องเที่ยวในไทย ซึ่งรัฐบาลสามารถจะจัดแพ็กเกจการอำนวยความสะดวกสนับสนุนเพื่อดึงดูดในส่วนนี้ได้

ขณะที่โครงการลงทุนด้านคมนาคมขนส่งจะเป็นจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนหลักของการเติบโต โดยเวลานี้มีหลายโครงการอยู่ระหว่างการลงทุน และหลายโครงการกำลังเตรียมการลงทุน เช่น โครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ที่เพิ่งมีพิธีวางศิลาฤกษ์ไป นอกจากจะมีเม็ดเงินลงทุนแล้ว ระยะต่อไปจะสนับสนุนการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน จากปัจจุบันที่แต่ละด่านการค้ากับเพื่อนบ้านมีมูลค่าเป็นแสนล้านบาท

...

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง เมื่อไม่นานมานี้ นายอนุทิน ได้นำคณะไปร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาและการขนส่งของ สปป.ลาว เกี่ยวกับแนวทางการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงระหว่างกันบริเวณ จ.หนองคาย กับนครหลวงเวียงจันทน์ รวมถึงหารือกันถึงแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจผ่านสินค้าข้ามแดน ซึ่งจะมีการลงทุนและปริมาณการค้าที่ตามมาอีกมาก 

สำหรับในพื้นที่ภาคใต้ก็จะมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่างโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อมต่อ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา กับ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง วงเงินลงทุน 4,841 ล้านบาท ที่จะพัฒนาเส้นทางโลจิสติกส์ อำนวยความสะดวกปลอดภัยให้ประชาชน สนับสนุนการขนส่งสินค้าและเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายใหม่ เชื่อมโยงทะเลอันดามัน-อ่าวไทย ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือตรัง-พัทลุง-สงขลา รวมถึงโครงการก่อสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ต.เกาะกลาง-ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,854 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนี้เป็นการดำเนินการก่อสร้างตามขั้นตอน 

น.ส.ไตรศุลี เปิดเผยอีกว่า ขณะเดียวกัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน (Southern Land Bridge) หรือโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ซึ่งจะเป็นเมกะโปรเจกต์เชื่อมการคมนาคมขนส่งของทะเลอ่าวไทยกับอันดามัน สนับสนุนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและรายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้อีกมากในอนาคต.