“บิ๊กตู่” ชูวิสัยทัศน์ “ทำให้สำเร็จ” ร่ายยาวบนเวที “เร่งเครื่องประเทศไทย” คุยฟุ้งวางโครงสร้างระบบรางเจ๋งสุด แค่ 5 ปีดีกว่าที่ทำกันมา 50 ปี เปิดประตูสู่ยุครุ่งเรือง ทำซึ้งยอมเสียเพื่อนเพื่อชาติ พปชร.เปิดตัว 19 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ “สมศักดิ์” โอ่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชัวร์ แต่เลี่ยงตอบสูตรนายกฯคนละครึ่ง “สุรวิทย์” ฉะยับ “แดนสุนทรีย์พี้กัญชา” “ตรีชฎา” ขุดแผนพัฒนาภาคใต้โต้กลับ ปชป. ถ้าไม่ถูกทำลายพัฒนาไปไกลกว่านี้ ก้าวไกลปัดยื่นหมูยื่นแมว ภท.แลกโหวต พ.ร.บ.กัญชา-สุราก้าวหน้า ปชป.ไหลอีก “ไตรรงค์” ไปอีกคน ทนาย “ทักษิณ-ชวน” สาดน้ำลายคดีหมิ่น 2 แนวร่วมม็อบร้อง กสม.ถูกคุกคาม

หลังปิดปากไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงการวางอนาคตทางการเมือง ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขึ้นเวที “Accelerating Thailand (เร่งเครื่องประเทศไทย)” ร่ายยาวผลงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการยกเครื่องโครงสร้างระบบ ทางราง ที่ก้าวหน้าไปมาก เปิดประตูสู่ยุครุ่งเรืองที่สุด

...

“บิ๊กตู่” ชูวิสัยทัศน์ “ทำให้สำเร็จ”

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 27 ต.ค.ที่ห้อง A1 บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานบางกอกโพสต์ ฟอรั่ม 2022 “Accelerating Thailand (เร่งเครื่องประเทศไทย)” ว่า แนวทางการทำงานขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า มีหลักการสำคัญสรุปได้ 3 คำ คือ “ทำให้สำเร็จ” (GET THINGS DONE) คือทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเตรียมประเทศให้พร้อมอนาคต ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลไทยในหลายยุค มีความยากลำบากมากในการทำเรื่องสำคัญที่จำเป็นต่อการเดินหน้าประเทศ ผลที่ตามมาคือทำให้ขีดความสามารถการแข่งขันของไทยค่อยๆลดลง และคนไทยกว่า 70 ล้านคนสูญเสียโอกาสมากมายที่ควรจะมี ทั้งที่พวกเราอยู่ในประเทศที่มีพร้อมทุกอย่าง

ฟุ้งเปิดประตูสู่ยุครุ่งเรืองที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป้าหมายต้องการให้ประเทศเติบโต เจริญรุ่งเรืองไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ยกระดับความมั่งคั่งทั้งประเทศ กระจายความเจริญรุ่งเรืองไปทั่วทุกพื้นที่ สร้างพื้นฐานที่เอื้อให้ประชาชนทำมาหากิน สร้างความกินดีอยู่ดี บนเส้นทางที่ยั่งยืน คนไทยต้องจับมือไปด้วยกัน จับมือกับประเทศ เพื่อนบ้าน และสังคมโลก ที่ผ่านมาตนให้ความสำคัญสร้างพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรง ทั้งเรื่องความยุติธรรมในสังคม ความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงโอกาสทำมาหากิน เป็นพื้นฐานที่จะทำให้สังคมอยู่กันอย่างสงบสุขและมั่นคง การสร้างความมั่งคั่งให้แผ่กระจายไปทั่ว ไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการเร่งรีบ ฉาบฉวยหรือแจกเงิน แต่เราต้องทำให้ประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี โดยเฉพาะด้านคมนาคมขนส่ง จึงริเริ่มโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย เมื่อทุกส่วนเสร็จและเปิดให้บริการ จะเปิดประตูสู่ยุคแห่งความรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งของไทย

โอ่แค่ 5 ปีดีกว่าที่ทำกันมา 50 ปี

นายกฯกล่าวว่า ดีใจที่วันนี้เราเดินมาไกลแล้ว ต้องขอบคุณความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล ความใจสู้ของข้าราชการ ความไม่ยอมแพ้ของภาคเกษตรกรและภาคเอกชน ที่สำคัญที่สุดคือสปิริตคนไทย ที่พร้อมร่วมมือกัน และเต็มใจที่จะเสียสละบางอย่าง เพื่อประโยชน์ของประเทศในวงกว้าง วันนี้ระบบรางเดินหน้ามาไกลมาก เวลาแค่ 5 ปีมานี้ ก่อสร้างเส้นทางรถไฟเป็นระยะทางมากกว่าทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ที่ใช้เวลากว่า 50 ปี และอีกแค่ 2 ปีข้างหน้า เส้นทางรถไฟที่เราก่อสร้างเสร็จ จะเป็นระยะทางที่มากกว่าถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับ 50 ปีที่ผ่านมาเราใช้เวลาเพียง 5 ปีทำได้มากกว่า และกำลังสร้างเพิ่มอีกเท่าตัว จะเปิดให้บริการในอีก 3 ปีข้างหน้า ทำให้ระบบขนส่งมวลชนทางรางใน กทม. อยู่ในระดับเดียวกับที่โตเกียว และใกล้เคียงกับลอนดอน ในเรื่องระยะทางและจำนวนสถานี

ทำซึ้งยอมเสียเพื่อนเพื่อชาติ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าเราจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ต้องมีความอดทนและเข้าใจผลที่ได้อาจไม่เพอร์เฟกต์ รู้ว่าถ้าเรามองสไตล์การทำงานแบบนี้ หลายท่านอาจเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ แต่เป็นวิธีการบริหารที่เชื่อว่าสังคมจะเดินหน้าไปได้ โดยไม่ทิ้งรอยแตกร้าวอย่างถาวรระหว่างคนกลุ่มต่างๆ พยายามผสมผสานความแข็งกร้าวเพื่อให้งานเดินหน้า กับความยืดหยุ่นเพื่อให้หลายกลุ่มหลายฝ่ายเดินไปด้วยกันได้ ตระหนักดีว่าบางครั้งความแข็งกร้าวทำให้ต้องเสียเพื่อน แต่เป็นสิ่งที่ต้องยอมแลก หน้าที่ตนคือพยายามบริหารจัดการขั้นตอนกระบวนการต่างๆ แต่ขอให้ดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆเป็นเรื่องปกติของประชา ธิปไตยที่แข็งแรง แต่เราไม่ควรไขว้เขว หรือเสียสมาธิไปจากเรื่องใหญ่ๆเรื่องสำคัญๆ เพราะรู้ว่าไม่มีอะไรมาทดแทนผลงานจริงได้ เราเดินหน้ามาจนเกือบจะถึงจุดหมายแล้ว เราทุกคนจะได้ร่วมกันนำพาประเทศไปสู่อีกยุคหนึ่งของความรุ่งเรือง

“บิ๊กป้อม” เด้งเชือกจับมือ พท.

ช่วงเย็นที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้าพรรคเพื่อหารือร่วมกับแกนนำพรรค ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง แต่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องการเปิดตัว 19 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวจับมือการเมืองกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีเงื่อนไขสนับสนุน พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ พล.อ.ประวิตรกล่าวตัดบทว่า “ยังไม่ถึงเวลา” เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ามีการพูดคุยกันอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “รอให้ถึงใกล้วันเลือกตั้งก่อน”

พปชร.เปิด 19 ผู้สมัครภาคใต้

ต่อมานายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ จำนวน 19 คน 10 จังหวัด นายสันติกล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอุดมการณ์พัฒนาภาคใต้ แก้ปัญหาให้ประชาชน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อศักยภาพให้ชาวใต้อยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรมีความมุ่งมั่นจะพัฒนาภาคใต้ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคยมีรัฐบาลและหัวหน้าพรรคใดสามารถเชื่อมสัมพันธไมตรีกับชาติตะวันออกกลางแนบแน่นและไว้ใจแบบนี้ได้ โดยพรรคจะส่ง ส.ส.ภาคใต้ครบทุกเขต

“สมศักดิ์” มั่นใจตั้ง รบ.แบเบอร์

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. กล่าวว่า ทั้ง 19 คนถือเป็นว่าที่ ส.ส. เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถผ่านการ กลั่นกรองจากคณะทำงานและหัวหน้าพรรค รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหาให้กับชาวใต้มากมาย มั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จะนำชัยชนะมาสู่พลังประชารัฐและจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าได้ เพราะมีจุดแข็งมาก ไม่ว่าหันทิศไหนพลังประชารัฐคือรัฐบาล ไม่มีใครเถียงว่าแกนนำหลักของการจัดตั้งรัฐบาลคือพลังประชารัฐ ดูจากหัวหน้าพรรคเป็นบุคลากรที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทั้งกับข้าราชการ ส.ส. ส.ว. และใกล้ชิดสนิทสนมผูกพันกันมากกับนายกฯ

เลี่ยงตอบนายกฯคนละครึ่ง

นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงการตั้งเป้าที่นั่ง ส.ส.ภาคใต้ว่า เดี๋ยวสื่อก็ไปบอกว่า ส.ส.ภาคใต้มีอยู่ 58 คน แต่พรรคการเมืองตั้งเป้าจนมี 150 คนแล้ว ส่วนยุทธศาสตร์หาเสียงเราเตรียมไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เมื่อถามว่ายังชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอยู่ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า เรามี พล.อ.ประวิตรหัวหน้าพรรค และมี พล.อ.ประยุทธ์ทำ ให้เราเดินหน้าไปได้ เมื่อถามว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรจะอยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพลังประชารัฐหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ตอบไม่ได้ ใหญ่เกินไปเป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าจะไปรู้อนาคต เมื่อถามย้ำว่ามีการชูแคมเปญนายกฯคนละครึ่ง นายสมศักดิ์ตอบว่า อย่าเพิ่งไปกล่าวอ้างถึงเรื่องนี้ ประชาชนจะสับสน ให้ถึงเวลาก่อน ยังอีกนาน ถ้าพูดแต่เรื่องนี้จะไม่มีเวลาตั้งใจแก้ปัญหา เมื่อถามว่าเชื่อมั่นว่ารัฐบาลอยู่ครบเทอม นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่มีเหตุผลจะไปยุบสภาหรืออะไร

พท.ฉะ “แดนสุนทรีย์พี้กัญชา”

ขณะที่ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า จากการศึกษานโยบายกัญชาเสรีของรัฐบาล พบว่ายังมีช่องโหว่มาก ไม่มีประเทศใดในโลกที่ประกาศนโยบายกัญชาเสรีก่อนมีกฎหมายกำกับดูแล ผลที่ตามมาคือเป็นนโยบายที่ผิดพลาด ส่งผลกระทบกับภาคสังคมร้ายแรง เพราะปล่อยเสรีจนเลยเถิด ประชาชนสามารถปลูกกัญชาในสวนหลังบ้าน อยากถามว่ารัฐบาลจะควบคุมอย่างไร ที่ชูว่ากัญชาทางการแพทย์ ล่าสุดกลายมาเป็นกัญชาเพื่อสันทนาการแล้ว หลายพื้นที่เยาวชนนำไปมวนบุหรี่ นำไปเป็นส่วนผสมอาหาร หากผู้บริโภคเกิดอาการแพ้ รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร นอกจากนี้แพทย์และสถาบันทางการแพทย์หลายแห่งออกมายืนยันแล้วว่า ไม่สนับสนุนนโยบายกัญชาเสรี เพราะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี ไร้การควบคุม ส่งผลให้ชื่อเสียงประเทศไทยในสายตาชาวโลกเสียหาย ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยอาจกลายเป็นดินแดนสุนทรีย์พี้กัญชากันเพลิน

“ตรีชฎา” ขุดแผนพัฒนาใต้โต้ ปชป.

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการประธานสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวพาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้นโยบายเลือกปฏิบัติต่อคนภาคใต้ว่าเป็นการหยิบยกเรื่องในอดีตที่ไม่เป็นความจริงมากล่าวอ้าง สมัยนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ มีการออกนโยบายสำคัญให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้ประโยชน์อย่างเท่าเทียมและทั่วถึงไม่เคยเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะการพัฒนาภาคใต้ ครั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ออกมติ ครม.เห็นชอบแผนงาน/ โครงการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้อันดามัน 5 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และระนอง จำนวน 117 โครงการ วงเงิน 84,064 ล้านบาท เช่น โครงการก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ฯลฯ การใส่ร้ายเช่นนี้สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ถ้าไม่ถูกทำลายพัฒนาไกลกว่านี้

น.ส.ตรีชฎากล่าวต่อว่า น่าเสียดายเมื่อเราเป็นรัฐบาลชนะเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก แต่ถูกกลไกอำนาจทำลาย และยุบพรรค ถูกยึดอำนาจและสืบทอดอำนาจมากว่า 8 ปี ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้ากว่านี้ ระบอบประชาธิปไตยจะมั่นคง ประชาชนอยู่ดีมีสุข ไม่เป็นหนี้เป็นสินและไร้อนาคตแบบทุกวันนี้ อยากตั้งคำถามถึงนายสมบูรณ์ว่า ประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมากี่ปีแล้ว เหตุใดจึงปล่อยให้การปฏิรูปการศึกษาและตำรวจล้มเหลว เหตุใดจึงปล่อยให้ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง เหตุใดจึงปล่อยให้ปัญหาเศรษฐกิจจมดิ่ง เกษตรกรยากจน พืชไร่ขายไม่ได้ราคา ปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม กราดยิง พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อ อดีตคือสิ่งสะท้อนปัจจุบัน แต่ปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลนั้นได้ทำอะไรเพื่อประชาชนบ้าง พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ประเภทนักเลงอันธพาล ถ้าไม่เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชนทั้งประเทศ เป็นไปได้หรือที่จะชนะเลือกตั้งมาทุกครั้ง

ก.ก.ปัดดีล ภท.แลกโหวต ก.ม.สุรา

นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะช่วยโหวตร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าให้พรรคก้าวไกล เพื่อแลกกับการโหวตร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงว่า ไม่ทราบ ไม่ได้ดีลกับใคร แต่ไม่แปลกใจที่ ภท.จะช่วยโหวตให้เพราะเขาหาเสียงเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เรื่องเบียร์เป็นคนละเรื่องกับกัญชา เรื่องเบียร์เรามีกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว และมีเจ้าใหญ่ผลิต ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีก็ต้องไม่ให้เจ้าใหญ่ทำด้วย เราไม่ได้เห็นด้วยกับ ภท. 100% เรามีวิธีการแก้ปัญหาที่จะเสนอให้ทุกพรรคการเมืองช่วยโหวตให้กับเรา เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวนายกฯแสดงความกังวลไม่อยากให้ผ่านความเห็นชอบจากสภา เพราะก้าวไกลจะได้คะแนนนิยมเพิ่ม นายเท่าพิภพตอบว่า ทางการเมืองถือว่าเป็นไปได้ เพราะใกล้เลือกตั้ง การผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้าเป็นเรื่องที่ประชาชนจับตามอง หากคิดด้วยใจเป็นธรรมต้องโหวตให้ผ่าน ไม่เช่นนั้นก็ต้องรับความเสี่ยงกันไป

“เจ๊หน่อย” ค้างคืนกับชาวร้อยเอ็ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมนายชัชวาล แพทยาไทย รองเลขาธิการพรรค เปิดเวทีปราศรัยพบปะประชาชน จ.ร้อยเอ็ด มีพิธีบายศรีสู่ขวัญบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการส่งเสียงเชียร์คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯของคนอีสาน นำผ้าขาวม้า ผ้าซิ่น และรวงข้าวจากทุ่งกุลาร้องไห้มัดใส่แบงก์ 20, 50 ฝากความหวังให้ช่วยผลักดันราคาข้าว คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ขออาสามาช่วยแบกความทุกข์แทนพี่น้อง มาเพื่อแก้ ปัญหา ขอเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องราคาข้าวโดยเร่งด่วน หลังปราศรัยเสร็จคุณหญิงสุดารัตน์ร่วมวงกินข้าวเย็นพาแลงกับชาวร้อยเอ็ด และพักค้างคืนกับพี่น้องชาว อ.ปทุมรัตน์ รับฟังความเดือดร้อนมาจัดทำนโยบายพรรค

ปชป.ไหลอีก “ไตรรงค์” ไปอีกคน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.หลายสมัย มอบให้เลขานุการส่วนตัวยื่นหนังสือแจ้งความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ต่อเจ้าหน้าที่พรรค มีเนื้อหาระบุว่า “ข้าพเจ้ามีความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และทุกตำแหน่งในพรรค” คาดว่านายไตรรงค์จะไปร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

“นรวิชญ์” ข้องใจ “ชวน” ไม่พบ ตร. 4 ครั้ง

สำหรับกรณีที่อัยการสั่งฟ้องนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เรื่องนโยบายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นาย นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความนายทักษิณ กล่าวว่า ติดตามคดีนี้ตลอดทราบว่าก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน มีหมายเรียกให้นายชวนมารับทราบข้อกล่าวหาถึง 4 ครั้ง แต่นายชวนไม่มาตามหมายเรียก จนเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ การที่นายชวนไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมาย เรียก ทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถนำตัวในฐานะผู้ต้องหาส่งให้กับพนักงานอัยการ เป็นผลให้พนักงานอัยการไม่สามารถนำตัวนายชวน ในฐานะจำเลยส่งฟ้องต่อศาลได้ ทำคดีมาจะ 30 ปี ยังไม่เคยเห็นคดีไหนล่าช้าเท่าคดีนี้ ถ้าเป็นคดีชาวบ้านธรรมดาๆ คงจบไปนานแล้ว

อย่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น

นายนรวิชญ์กล่าวว่า ขอถามนายชวนที่ยึดหลักเคารพและอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่เหตุใดไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกทั้ง 4 ครั้ง คงไม่ตอบว่าไม่ได้รับหมายเรียก อย่างนี้ถือว่ายึดหลักในความเคารพกฎหมาย อยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน และพร้อมสู้คดีตามที่พูดหรือไม่ และคดีล่าช้าเกือบจะ 10 ปี สาเหตุมาจากไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ไม่ใช่ตำรวจ หรืออัยการทำคดีล่าช้าใช่หรือไม่ ส่วนที่อ้างอีก 3 วันคดีจะขาดอายุความ ขอให้ตำรวจและอัยการยื่นฟ้องต่อศาลนั้น มีคำถามว่าเอาอำนาจอะไรไปสั่งตำรวจ และอัยการฟ้องคดี การพูดเช่นนี้องค์กรเหล่านี้เสียหาย ทำให้ประชาชนสับสน และอยากฝากเป็นข้อคิดว่าอย่าพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ผู้อื่น

“เด็กชวน” ตอกหน้า “ทนายแม้ว”

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวว่า ตำรวจทำตามหน้าที่ ต้องให้เกียรติไม่ขอก้าวล่วง คดีนี้หลังจากมีการแจ้งความ ตำรวจได้เรียกสอบพยานหลายคน ทั้งผู้ที่ไปฟังนายชวน หลีกภัย บรรยายในวันเกิดเหตุ รวมถึงพยานบุคคลคนอื่น คดีนี้สอบพยานหลายคนในชั้นสอบสวนก่อนดำเนินการต่อ แต่มีเวลาไม่ตรงกัน จึงเลื่อนเวลานัดพบ ทางพนักงานสอบสวนแจ้งว่า จะนัดหมายกันใหม่ แต่ก็ไม่ได้มีการนัดหมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระทั่งคดีเงียบหายไป ทุกฝ่ายคิดว่ายุติไปแล้ว ไม่ได้มีเจตนาหลบหนี หรือประวิงคดี ที่สำคัญนายชวนไม่เคยคิดหนีคดีเหมือนนายทักษิณ ชินวัตร การกล่าวหานายชวนว่าใช้สิทธิอะไรสั่งตำรวจและอัยการนั้น ตำรวจและอัยการทราบดีถึงกระบวนการ นายชวนไม่ได้มีอำนาจไปสั่งตำรวจและอัยการ ทุกอย่างเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กร เวลาอายุความที่เหลือ 3 วัน ถ้าคิดจะหนีคดีเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีคงหนีไปแล้ว ส่วนที่นายชวนให้สัมภาษณ์ เป็นการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่พูดเพื่อเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น

“พิธา” บี้รัฐเร่งเยียวยาชาวบ้าน

อีกเรื่อง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ภาคอีสานเข้าไปเยี่ยมประชาชน เช่น จ.อุบลราชธานี ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเดือดร้อนและเครียด เนื่องจากพื้นที่ทำกินได้รับความเสียหาย ทำมาหากินไม่ได้ 1-2 เดือน รายจ่ายไม่หยุดนิ่ง ดอกเบี้ยต้องจ่าย ไม่รู้ว่าจะฟื้นได้เมื่อไร ปัญหาที่ตามมาคือปัญหาเศรษฐกิจ น้ำลด หนี้ผุด ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาในพื้นที่ประสบภัยโดยเร็ว ต้องดำเนินการระบุพื้นที่ให้ชัดเจนว่าพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่น้ำท่วมชั่วคราว หรือท่วมแบบชั่วโคตร เพื่อวางแผนรับมือทั้งในชีวิตประจำวัน และทำการเกษตร ส่วนในพื้นที่ที่น้ำยังท่วมขังรัฐบาลต้องเข้าไปบริหารจัดการเฉพาะพื้นที่เพื่อระบายน้ำออกให้ได้โดยเร็ว ส่วนพื้นที่ที่น้ำลดรัฐบาลต้องเร่งเข้าไปฟื้นฟูการประกอบอาชีพ ไม่เข้าใจนายกฯ รมว.มหาดไทย นิ่งดูดายขนาดนี้ได้อย่างไร ปล่อยให้ประชาชนลอยคอมานานเกินไป ทั้งที่ต้องช่วยเหลือทันที

2 แนวร่วมถูกคุกคามร้อง กสม.ช่วย

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้อง 604 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ น.ส.อัญชลี อิสมันยี หรือน้ำ
คีตาญชลี นำแนวร่วมม็อบราษฎร 2 รายที่ถูกบุคคลลึกลับเข้าคุกคามและทำร้ายร่างกาย ประกอบด้วย น.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ นักเคลื่อนไหวกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก วัย 22 ปี และ ด.ช.เอีย (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) วัย 13 ปี แนวร่วมกลุ่มทะลุแก๊ส เดินทางเข้าร้องเรียนต่อนางปรีดา คงแป้น และนายสุชาติ เศรษฐมาลินี กสม. น.ส.อัญชลีกล่าวว่า ตั้งแต่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องการปฏิรูป ถูกบุคคลลึกลับที่คาดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐคอยติดตามตัว ล่าสุดวันที่ 21 ต.ค. น.ส.แทนฤทัยถูกผู้ไม่หวังดีแอบตัดสายคลัชรถ จยย. จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ขณะที่ ด.ช.เอียถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเข้าข่มขู่และรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ทั้ง 2 เหตุการณ์แจ้งความไว้แล้ว เหตุเกิดขึ้นบริเวณถนนราชดำเนินกลาง และถนนพระราม 5 สงสัยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่มีหลักฐาน กสม.ได้รับเรื่องไว้และเตรียมหารือแนวทางช่วยเหลือต่อไป

อีก 3 รายหนีตายลี้ภัยต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับเหตุการณ์การคุกคามผู้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องการปฏิรูป มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ล่าสุดมี 3 รายในกลุ่มได้หลบหนีคดี ม.112 ไปต่างประเทศแล้ว ทั้งหมดยืนยันถูกข่มขู่คุกคามจนไม่สามารถใช้ชีวิตในประเทศได้ ประกอบด้วย น.ส.กัลยมน สุนันท์รัตน์ วัย 29 ปี หรือเจ๊เขียว กิโยติน กลุ่มนาดสินปฏิวัติ ลี้ภัยไปประเทศฝรั่งเศส น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส และน.ส.สุพิชฌาย์ ชัยล้อม หรือเมนู อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ลี้ภัยไปอยู่ประเทศแคนาดา