"ธนาธร" บุก กสทช.ร่วมภาคประชาชน จับตา มติควบรวม ทรู-ดีแทค แสดงจุดยืนค้าน พร้อมชี้ทางออก แนะ รัฐเดินสายเจรจาหายักษ์ใหญ่โทรคมนาคมโลกเข้าเสียบแทน "เทเลนอร์" ดีกว่าปล่อยควบรวม ยกผลวิจัยกระทบผู้บริโภคแน่

วันที่ 20 ต.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมายังสำนักงาน กสทช. พร้อมด้วย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เพื่อร่วมสังเกตการณ์การลงมติอนุมัติหรือไม่อนุมัติ ที่จะให้มีการควบรวมกิจการระหว่างทรู-ดีแทค หลังจากมีการเลื่อนลงมติมาหลายครั้ง

นายธนาธร ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนก่อนการเข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยระบุว่า วันนี้พวกเราทั้งพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า มาเพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย กับการควบรวมทรู-ดีแทค เคียงข้างภาคประชาสังคมที่มาร่วมจับตาผลการลงมติ ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นจากทั้งองค์กรภายนอก และที่ กสทช. จ้างศึกษาเอง รวมถึงกรณีที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศหลายกรณี ชี้ให้เห็นว่า การควบรวมที่จะทำให้เหลือผู้เล่นในตลาดโทรคมนาคมเพียง 2 ราย จาก 3 ราย อาจทำให้ค่าบริการแพงขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อผู้บริโภคและการพัฒนาภาคโทรคมนาคมในประเทศไทย นอกจากนี้ จากการที่ประชาชนที่รับส่งข้อมูลผ่านคลื่นความถี่โทรคมนาคมมีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนที่สุด คือ การเข้าถึงข้อมูลที่ลดลงจากค่าบริการที่แพงขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่น้อยลงของผู้มีรายได้น้อยด้วย

...

นายธนาธร ยังระบุด้วยว่า การควบรวมที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ แม้ส่วนหนึ่งมาจากการที่ บริษัท เทเลนอร์ มีมติให้บริษัทถอนตัวออกจากตลาดในประเทศไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีเพียงการควบรวมเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น หากรัฐบาลเห็นว่า ธุรกิจโทรคมนาคมเป็นธุรกิจยุทธศาสตร์ รัฐบาลสามารถออกไปเจรจาต่อรองเพื่อหาผู้ซื้อรายใหม่มาแทนเทเลนอร์ หรือผลักดันให้เกิดการเจรจาซื้อหุ้นเทเลนอร์ได้ ซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุด และเป็นเรื่องที่หลายรัฐบาลทั่วโลกต่างก็ทำในการแทรกแซงไม่ให้ภาคธุรกิจที่เป็นยุทธศาสตร์ของชาตินั้นๆ ต้องล่มสลาย

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ดังนั้น มติ กสทช. วันนี้จึงมีความสำคัญสำหรับอนาคตของประเทศ ไม่ใช่แค่ในแง่รายจ่ายของผู้บริโภคเท่านั้น แต่รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างโทรคมนาคมและข้อมูลส่วนบุคคลของคนทั้งประเทศด้วย หากอนุมัติให้มีการควบรวมก็ต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการฮั้วราคา บังคับให้มี MVNO (Mobile Virtual Network Operators - ผู้ให้บริการที่ไม่มีโครงข่ายของตัวเอง) หรือการคลายคลื่นความถี่บางส่วนออกมาให้เกิดการประมูลใหม่ แต่เพื่อป้องกันความเสียหายและการปกป้องผู้บริโภค การไม่อนุมัติให้เกิดการควบรวมจะเป็นการดีที่สุด

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์กรทางธุรกิจมีเป้าหมายในการทำกำไรสูงสุด แต่ในกรณีมีผู้เล่นในตลาดเพียงสองเจ้า กำไรสูงสุดจะไม่ได้มาจากการแข่งขัน แต่จะมาจากการไม่ลดราคา ผมขอเรียกร้อง กสทช. ว่าอย่าเห็นแก่ประโยชน์ของกลุ่มทุน ถึงเอกชนจะมีสิทธิเสรีภาพในการประกอบธุรกิจก็จริง แต่ กสทช. ก็มีหน้าที่ดูแลไม่ให้เสรีภาพนั้นไปทำร้ายประชาชนให้มีต้นทุนการใช้ชีวิตที่สูงขึ้นด้วย” ธนาธรกล่าว

โดยภายหลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น นายธนาธร ได้เข้าร่วมพูดคุยกับ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรผู้บริโภค และเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่มาร่วมกันจับตามติ กสทช. ในวันนี้ พร้อมให้กำลังใจ น.ส.สารี ซึ่งกำลังถูกดำเนินคดีจากการเอาเอกสารผลการศึกษาที่ กสทช. ว่าจ้างเอกชนต่างประเทศให้ศึกษาผลกระทบจากการควบรวม มาเปิดเผยต่อสาธารณะ พร้อมระบุว่า สิ่งที่ น.ส.สารีทำ เป็นเพียงการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและปกป้องประโยชน์ของประชาชนเท่านั้น และผลการศึกษาที่ใช้เงินจากภาษีประชาชนก็ไม่ได้เป็นความลับ และควรมีการเปิดเผยต่อสาธารณะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะนี่คือพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยที่มีอารยะ