"จรยุทธ" ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตยานนาวา-บางคอแหลม พรรคก้าวไกล เล็ง ผลักดันนำภาษีอุตสาหกรรม ที่มีผลกระทบต่อพื้นที่รอบข้างมาเป็นกองทุนสำหรับพัฒนาพื้นที่ชุมชน นำดอกผลไปพัฒนาศักยภาพประชาชน

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตยานนาวา-บางคอแหลม พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ตลอดการทำงานการเมืองที่ผ่านมา และได้ลงพื้นที่ศึกษารายละเอียดโดยรอบพบว่า หลายเขตของ กทม. มีอุตสาหกรรมติดกับชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมสร้างผลกระทบต่อพื้นที่รอบข้าง ประชาชนได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ดังนั้นนโยบายที่ตนอยากผลักดันและนำเสนอต่อประชาชน คือ การนำภาษีของโครงการหรืออุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อพื้นที่รอบข้างมาเป็นกองทุนสำหรับพัฒนาพื้นที่นั้นๆ โดยตั้งคณะกรรมการซึ่งอาจประกอบไปด้วยประชาชนผู้ที่อยู่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อดึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่มาบริหารกองทุนให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

นายจรยุทธ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่เขตยานนาวา-บางคอแหลม พบว่า เขตนี้มีแพลนต์ปูนเยอะมาก แล้วแพลนต์ก็สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนรอบข้าง ซึ่งหากสามารถจัดทำกองทุนที่มาจากรายได้ส่วนหนึ่งของแพลนต์ปูนเหล่านี้ นำมาพัฒนาสภาพแวดล้อมของชุมชนที่อยู่โดยรอบแพลนต์ปูน นำมาพัฒนาด้านการศึกษาของเด็กๆ ในพื้นที่ รวมถึงด้านศาสนาวัฒนธรรม, ด้านสาธารณสุขของชุมชน, ด้านการกีฬา หรือพัฒนาทักษะการทำงานหาเลี้ยงชีพ รวมไปถึงเขตอื่นๆ ด้วย

"โรงงานต่างๆ ที่ปล่อยมลภาวะ บ่อขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่สร้างปัญหาทางด้านการจราจร โครงการก่อสร้างต่างๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น หรือสำหรับโครงการใดที่เข้าข่ายต้องประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA - Environmental Impact Assessment) แม้ว่าจะผ่าน EIA แล้ว แต่ผมคิดว่ายังต้องมีนโยบายนี้มากำกับ เพราะชัดเจนว่ามีผลกระทบแน่นอน" นายจรยุทธ กล่าว

...

นายจรยุทธ กล่าวต่อว่า ตนได้แนวความคิดนี้มาจากคุณพ่อที่นำหลักการนี้ไปบังคับใช้กับโรงไฟฟ้า นำภาษีของโรงไฟฟ้าเพื่อมาพัฒนาพื้นที่โดยรอบที่ตั้งของโรงไฟฟ้า แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการบุกเบิกสิ่งเหล่านี้ ทำให้ผู้ประกอบการในโลกทุนนิยมยอมรับการตรวจสอบ ยอมรับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะเท่ากับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมอื่น ต้องเดินตามแต่หากภาคธุรกิจต่างๆ มองว่านี่ คือ CSR ที่ตรงจุด เป็นความรับผิดชอบต่อสังคมต่อชุมชนโดยตรง ไม่ใช่การหว่านเงินลงไปแต่ไม่ตรงเป้าหมาย และไม่ไปมองว่ามันเป็นการเก็บส่วยแบบถูกกฎหมาย ถึงแม้ว่าบางโครงการจะมีการจ่ายส่วยที่ผลประโยชน์ไปเข้ากระเป๋าใคร ตนไม่ขอพูด แต่ถ้าเอาทุกอย่างขึ้นมาคุยกันบนโต๊ะ ผลประโยชน์ไปตกอยู่ที่ชุมชนจริงๆ ตนเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับได้

"สำหรับนโยบายนี้คือความสวยงามของกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน และเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ผมอยากเข้ามาสู่การเมือง นี่เป็นข้อเสนอเริ่มต้น ในอนาคตยังมีนโยบายที่อยากให้พี่น้องประชาชนร่วมกันเสนอแนะ และหาทางออกให้ชุมชน ให้ประเทศเรามองเห็นและให้ความสำคัญกับเจ้าของประเทศตัวจริงไม่ใช่กลุ่มทุน" นายจรยุทธ กล่าวทิ้งท้าย