จากการเปิดเผยรายงานการบริจาคเงินให้พรรคของประชาชนในการแสดงรายการภาษีเงินได้ส่วนบุคคลธรรมดา ทำให้รู้ว่าขณะนี้ ประเทศไทยมีพรรค การเมืองถึง 84 พรรค ได้รับเงินอุดหนุนจากประชาชน 78 พรรค พรรคที่ได้รับเงินอุดหนุนมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกล้า

การที่พรรคการเมืองได้รับเงินบริจาคจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เช่น พรรคก้าวไกลได้ 27,564,203 บาท จากผู้เสียภาษี 62,634 คน ต้องถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดี ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของการเมือง เพราะในอดีตเมื่อแรกเริ่มตั้งพรรค พรรคเป็นผู้ให้เงินประชาชนในโอกาสต่างๆ สำคัญสุดคือการซื้อเสียง

แต่หลายปีที่ผ่านมา ประชาชนเป็นผู้บริจาคเงินให้พรรค ในจำนวนที่มากขึ้นตามลำดับ ทั้งจำนวนผู้บริจาคและจำนวนเงิน แม้เงินจากการบริจาคอาจไม่พอใช้จ่ายในการเลือกตั้ง แต่แสดงว่าประชาชนต้องการมีส่วนร่วมในการเมืองและการบริหารประเทศ ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง ต้องการเป็นเจ้าของพรรค

วัตถุประสงค์สำคัญของการตั้งพรรค คือการรวมกันของกลุ่มผู้มีอุดมการณ์ หรือผลประโยชน์ที่ตรงกัน ตั้งพรรคเพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมือง ดำเนินกิจกรรมการเมืองให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่ตั้งพรรคโดยไม่คำนึงอุดมการณ์ หรือเจตนารมณ์ ตั้งพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจรัฐประหาร

ประเทศเยอรมนี มีคนบางกลุ่มตั้งพรรคนาซีใหม่ เพื่อฟื้นฟูระบอบเผด็จการ นาซี ต้องถูกยุบพรรคไป เพราะเป็นปฏิปักษ์ ต่อระบอบประชาธิปไตย กฎหมายพรรค การเมืองไทยมีบทบัญญัติห้ามพรรค การเมืองกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการ ปกครองระบอบประชาธิปไตย ต้องยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

ประเทศไทย ใช้ระบบรัฐสภาแบบ อังกฤษและเยอรมนี นอกจากจะต้องห้ามพรรคการเมืองกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยแล้ว ต้องยึดหลักความเข้มแข็งของพรรคด้วย ที่สำคัญเรื่องหนึ่งก็คือ ต้องลดจำนวนพรรคให้น้อยลง แบบเดียวกับประเทศรัฐสภาส่วนใหญ่ มีพรรคน้อยพรรค แต่มีเสียงข้างมาก

...

สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว หรือรัฐบาลผสมไม่กี่พรรค แต่เป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง สามารถบริหารประเทศตามนโยบายที่สัญญา ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ระบบ 70 หรือ 80 พรรคในขณะนี้ เห็นผลชัดเจนว่าต้องตั้งรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค แต่กลายเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอ ประชาธิปไตยที่อ่อนแอ.