"ทิพานัน" รองโฆษกรัฐบาล เตือนภัย ประชาชนอย่าคลิกลิงก์ใน SMS หลอกรับเงินเยียวยา จากการป้องกันโรคระบาด ระวังถูกขโมยข้อมูล-ดูดเงินหมดบัญชี
วันที่ 19 ก.ย. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีประชาชนร้องทุกข์มายังตนขณะลงพื้นที่ ในกรณีมีมิจฉาชีพได้ทำการส่งเอสเอ็มเอสไปยังประชาชน แอบอ้างว่ามาจากกระทรวงสาธารณสุข โดยใช้วิธีส่งลิงก์ประกอบข้อความสร้างความสนใจ หลอกให้คลิกลิงก์เพื่อขโมยข้อมูลและดูดเงินออกจากบัญชี จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนหากได้รับเอสเอ็มเอสระบุข้อความว่า “กระทรวงสาธารณสุข ขอแสดงความยินดี คุณมีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาจากการป้องกันโรคระบาดจากรัฐบาล คัดลอกลิงก์ไปยังเบราเซอร์เพื่อรับเงิน ตามลิงก์นี้” กรุณาอย่าคลิกลิงก์โดยเด็ดขาด และอย่าแชร์ข้อความดังกล่าวออกไปให้ผู้อื่น
โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีโครงการจ่ายเงินเยียวยากรณีตามที่แอบอ้างแต่อย่างใด ดังนั้นขออย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพยุคดิจิทัล ที่นำข้อมูลส่วนบุคคลไปสร้างความเสียหาย เช่น นำไปสร้างบัญชีปลอมทำธุรกรรมทางการเงิน นำไปลงทะเบียนซื้อสินค้าออนไลน์ ที่อาจทำให้เป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว รวมทั้งอาจสูญเสียเงินจนหมดบัญชี
...
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในกรณีที่หลงเชื่อคลิกข้อความดังกล่าวไปแล้ว ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ทั้งหมด โดยเปลี่ยนทั้งชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านในทันที ระงับการทำธุรกรรมในบัญชี ยับยั้งการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิต จากนั้นแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร หรือสถาบันการเงินเพื่อขอคำแนะนำ และการช่วยเหลือ ตรวจสอบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น รวบรวมหลักฐานแจ้งความที่สถานีตำรวจโดยเร็ว เป็นต้น โดยสามารถแจ้ง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง Call Center ของสำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. 1200 หรือแจ้ง Call Center ของผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ หรือหมายเลขโทรศัพท์ที่แต่ละค่ายมีไว้รองรับข้อมูลเรื่อง เอสเอ็มเอส และโทรศัพท์หลอกลวงโดยเฉพาะ
“รัฐบาลมีความห่วงใยความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมกับพยายามดำเนินการปราบปรามมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบออนไลน์เสมอมา อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนให้หาข้อมูลก่อนจะกระทำการใดๆ กับ SMS หรือข้อมูลที่ได้รับ เพื่อไม่ให้ถูกหลอกลวงได้ง่าย” น.ส.ทิพานัน กล่าว