“สุชาติ” รมว.แรงงาน ยัน เสียงไตรภาคีเอกฉันท์ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 9 กลุ่ม หลังอั้นมา 2 ปี หวังช่วยพยุงค่าครองชีพช่วงเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขึ้น ย้ำ ลดเงินสมทบประกันสังคม ไม่กระทบเงินชราภาพ

วันที่ 13 ก.ย. 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับค่าแรงขั้นต่ำ ว่า กระทรวงแรงงานได้เสนอตามติของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ประกอบด้วย ฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และปลัดกระทรวง โดยที่ประชุม ครม. อนุมัติเห็นชอบ และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2565 ถือเป็นความเห็นชอบของไตรภาคีที่เป็นเอกฉันท์ ไม่ได้มีการลงมติหรือโหวตกัน แต่เป็นการคุยกันแบบลงตัว

สำหรับสัดส่วนการปรับขึ้นอยู่ที่ 5-8% โดยภาพรวมปรับอยู่ที่กว่า 5% ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าช่วงก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าแรงเลย ซึ่งครั้งล่าสุดมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ คือเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2563 ผ่านมา 2 ปี จึงรวบยอดปรับขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ

นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า หลายคนอาจมองว่าการปรับขึ้นค่าแรงเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ ตนได้คุยกับนายจ้างแล้ว ถือเป็นการประคับประคองลูกจ้างให้อยู่รอด นี่คือสิ่งที่นายจ้างต้องการเห็นลูกจ้างมีรายได้ มีเงินพยุงค่าครองชีพ และสัดส่วนที่ขึ้น 5% นายจ้างรับได้ ไม่ได้เป็นสัดส่วนที่โอเวอร์มาก หากลูกจ้างอยู่รอด นายจ้างก็อยู่รอด ส่วนการปรับดอกเบี้ยตามภาวะเงินเฟ้อหรือทั่วโลกที่ปรับนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะควบคุมและกำกับส่วนนี้ ขณะที่ด้านพลังงาน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะมีมาตรการต่างๆ ช่วยเหลือ

“ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า การขึ้นค่าแรงเป็นไปตามกลไก ส่วนการขึ้นดอกเบี้ย หรือราคาพลังงาน รัฐบาลได้แก้ปัญหาโดยการลดค่าครองชีพที่มาช่วยกัน และสาเหตุที่ผมขอให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำในวันที่ 1 ต.ค.นี้เลย เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่าของมันขึ้นราคาไปรออยู่แล้ว ถ้าเราไปประกาศในวันที่ 1 ม.ค. 2566 สินค้าก็จะขึ้นต่ออีกรอบ ดังนั้นต้องขึ้นค่าแรงเลยเพื่อเป็นการสกัดการขึ้นสินค้าที่รอล่วงหน้า ผมได้ขอให้ทางกองทุนประกันสังคมช่วยเหลือนายจ้างในส่วนตรงนี้ 2-3 เดือน และที่หลายท่านมองว่าการลดเงินสมทบที่ผ่านมาทำให้มีผลกระทบต่อเงินชราภาพ จริงๆ แล้วไม่มี เพราะเราได้ใช้มติ ครม.โยกเงินอีกกองมาเติมผลตอบแทนเงินชราภาพ ทั้งนี้ผมได้ให้ประกันสังคมทำเรื่องชี้แจงว่าการลดเงินสมทบไม่มีผลกับประชาชนในมาตรา 33 ต่อการชราภาพไม่เกี่ยวกัน”

...

สำหรับการขึ้นค่าแรงรอบนี้เป็นการขึ้นทั้งประเทศ 9 กลุ่ม โดยปรับขึ้นอันดับ 1 คือ ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง จำนวน 354 บาท กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 353 บาท สรุปปรับขึ้น 18 บาท ไม่ได้ขึ้น 1-2 บาทแบบเมื่อก่อน การปรับขึ้นต้องให้เห็นภาพและสามารถชดเชยกับภาวะเงินเฟ้อได้

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าภาคการผลิตรับได้ใช่หรือไม่ เพราะอาจมีผลกระทบถึงขั้นย้ายฐานการผลิต นายสุชาติ ตอบว่า ได้โทรศัพท์คุยกับประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งก็รับได้ในส่วนนี้ แต่มีการขอในเรื่องของพลังงาน อัตราดอกเบี้ย ซึ่งจริงๆ แล้วรัฐบาลได้ดูแลในส่วนของพลังงาน ทั้งการชดเชยและการอุดหนุนต่างๆ เชื่อว่านายจ้างรับได้กับการขึ้นค่าแรง หากไม่มีการขึ้นค่าแรงและลูกจ้างต้องแบกภาวะเงินเฟ้อหรือของที่แพงขึ้น ลูกจ้างจะอยู่ไม่ได้ นายจ้างก็ต้องหาลูกจ้างใหม่ต้องสอนงานใหม่ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่ได้คิดต้องมานั่งไล่ตามการขึ้นค่าแรง แต่คิดจะลดค่าครองชีพพี่น้องแรงงานอย่างไรจะดีกว่า และวันนี้ขอให้พี่น้องแรงงานมีคามสุขกับมติ ครม.ที่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ.