สัปดาห์ที่ผ่านมามีการเปิดตัว “แคนดิเดตนายกฯ” หลายคน เริ่มจาก พรรคสร้างอนาคตไทย เปิดตัว ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ อดีตรัฐมนตรีคลัง ประธานพรรคสร้างอนาคตไทยเป็นแคนดิเดตนายกฯ ถัดมา พรรคไทยสร้างไทย มีการประชุมลงมติเลือก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ เป็น หัวหน้าพรรค และ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ถัดมา คุณ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ก็นำสมาชิกพรรคขึ้นเหนือไปจัดกิจกรรม “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ที่เชียงใหม่ โดยมี คุณหญิง “อ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ มารดา พร้อมพี่น้องทั้งครอบครัวขึ้นไปให้กำลังใจ แม้ยังกั๊กที่จะเปิดตัวเป็น แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย แต่เป็นรู้กันว่า “อุ๊งอิ๊ง” เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยแน่นอน

การเปิดตัว “แคนดิเดตนายกฯ” ของสองพรรคการเมืองใหม่ เป็นการ “เปิดเกมรุก” ของ ฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อสู้กับ “เผด็จการธิปไตย” แม้กติกาการเลือกนายกฯในรัฐสภายังเป็นระบบเผด็จการ คสช.อยู่ก็ตาม

แคนดิเดตนายกฯทุกคน ต่างโชว์วิสัยทัศน์ และ ปัญญา ในนโยบายพัฒนาประเทศได้น่าสนใจกว่า “นายกฯทหาร” แบบเทียบกันไม่ได้ ดร.สมคิด กล่าวปราศรัยในที่ประชุมใหญ่พรรคสร้างอนาคตไทยว่า ต้องการเข้ามาเป็นผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทย และพูดถึงการแข่งขันทางการเมืองไทยยุค “เผด็จการธิปไตย” ว่า เหมือนการแข่งม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของหาเงินมาเลี้ยงม้า มันโจ๋งครึ่มเกินไป เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับคำว่า “ประชาธิปไตย” คนจะหันหลังให้การเมือง

ดร.สมคิด กล่าวว่า จีดีพีของเราเจอพิษโควิด เจอพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงหาปัญญา การผสมในอดีตมีจุดมุ่งหมายร่วมทำเพื่อบ้านเมือง แต่การแบ่งกระทรวงไปคนละทิศละทาง มันไม่มีพลัง เรามีนายกรัฐมนตรี แต่คนไหนตัวจริงยังไม่รู้เลย ถ้าเป็นอย่างนี้จะให้ใครนำเรือลำนี้ หรือจะให้ข้าราชการนำ ยิ่งนานวันก็ยิ่งจน เป็นเหยื่อการยุยงปลุกปั่นแบ่งฝ่ายให้บ้านเมืองแตกแยกกัน คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจที่จะช่วยเหลือสร้างอนาคตให้ประเทศไทย ยิ่งมาแข่งขันเยอะยิ่งดี ความคิดต่างไม่ใช่ศัตรู

...

อีกหนึ่งว่าที่แคนดิเดตนายกฯ คุณ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ยกครอบครัวขึ้นเชียงใหม่ครั้งนี้ มีการเปิดตัว 2 นโยบายใหม่ นโยบายที่ 1 ด้านการเกษตร ภายใต้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยใช้ ตลาดนำการผลิต (ไม่ใช่ปล่อยให้ผลิตจนล้นจนต้องโค่นต้นลำไยทิ้ง) โดยอาสาเป็นเซลส์แมนขายสินค้าเกษตรในต่างประเทศ และใช้นวัตกรรมทางการเกษตร ช่วยให้เกษตรกรเหนื่อยน้อยลง ถ้าทำสำเร็จ รายได้ต่อไร่จะเพิ่มขึ้น
จาก 10,000 บาทต่อปี เป็น 30,000 บาทต่อปี

นโยบายที่ 2 คือ 1 ครอบครัว 1 soft Power เปลี่ยนวิธีคิดในการหาเงินสร้างโอกาสให้ประชาชน โครงการนี้จะครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม อาหาร การออกแบบ ศิลปะ กีฬา การท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ ฯลฯ เป้าหมายคือ แต่ละครอบครัวต้องมี 1 คนที่สามารถเป็นหลักในการเลี้ยงคนในครอบครัวให้พ้นจากความยากจน ให้มีชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี จะจัดตั้ง The Thai Creative Content Agency เข้าไปดูแล เพื่อนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพ Soft Power อย่างถูกจุด โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด หน่วยงานนี้นายกฯจะเข้าไปดูแลใกล้ชิด และ ต้องเข้าใจ เข้าถึงรู้เรื่อง Soft Power ด้วย ประโยคหลังนี้ผมพูดเอง

ผมชอบเห็น “ผู้นำทางการเมือง” สู้กันด้วยความคิดและปัญญา แล้วให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ชอบการเมืองแบบโง่ๆ ไม่เอานายกฯ ที่เป็น ส.ส. แต่ตัวเองดันไปเป็น ส.ส. แล้วประชาธิปไตยเมืองไทยจะเจริญงอกงามได้อย่างไร.

“ลม เปลี่ยนทิศ”