นึกว่าในช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีตัวจริงไม่สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดระหว่างพิจารณาคำร้องเรื่องดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีเมื่อใด...จะทำให้การบริหารบ้านเมืองหยุดชะงักติดขัดโน่นติดขัดนี่

ที่ไหนได้ งานหลักของชาติกลับพุ่งเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งจากการทำงานแบบทุ่มเทสุดๆของรักษาการนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เกิดภาวะ “ใจบันดาลแรง” ทำให้มีเรี่ยวแรงแข็งขันหายเจ็บหายป่วย ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่แพ้นายกฯตัวจริง

ประจวบเหมาะกับช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่นานนักสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ตามรัฐธรรมนูญฉบับที่เรากำลังใช้กันอยู่ ซึ่งน่าจะเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนปีหน้า

ปี่กลองการเมืองเรื่องเลือกตั้งจึงเริ่มโหมประโคมเมื่อพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ต่างก็เริ่มขยับตัว เตรียมบุคลากรที่จะลงสมัครผู้แทนราษฎรทั้งประเภทเขต และบัญชีรายชื่อกันอย่างคึกคัก

มีการประกาศตั้งพรรคใหม่บ้าง ประกาศรวมพรรคกันบ้าง มีรายชื่อคนดังต่างๆที่จะมาเข้าร่วมกับพรรคต่างๆทยอยออกมาเรื่อยๆ... ซึ่งหลายคนถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการทำงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งในภาคการเมืองด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างเช่น ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับอยู่นี้ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างก็พาดหัวว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลาออกจากประธานของบริษัทสหพัฒน์ฯแล้ว คาดว่าจะไปดำรงตำแหน่งประธาน พรรคสร้างอนาคตไทย หรือ สอท.

คงจะจำกันได้เมื่อไม่นานมานี้ มีการแถลงเปิดตัวพรรคนี้มาก่อนแล้วว่า จะมี “2 กุมาร” จาก “4 กุมาร” กลับมาสู่ยุทธจักรการเมืองอีกครั้งโดยกุมารหมายเลข 1 ดร.อุตตม สาวนายน จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และกุมารหมายเลข 2 คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค

...

พร้อมกับเปิดเผยว่าจะเสนอ “ท่านฤาษี” ผู้ที่ 2 กุมารให้ความเคารพ อันได้แก่ ดร.สมคิดนี่แหละเป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า

แม้โดยแนวความคิดและความเชื่อในการพัฒนาประเทศของผม ซึ่งเน้นไปในเรื่องการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นหลัก ทำให้มีอะไรๆในส่วนลึกที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิด และวิธีปฏิบัติของ ดร.สมคิดและคณะของท่านอยู่บ้าง

แต่ก็ต้องยอมรับในกึ๋นของท่านและความทันสมัยของท่าน และถือได้ว่าหลายๆคนหลายๆชื่อของพรรคนี้เป็นบุคคลคุณภาพ ซึ่งเมื่อเข้าสู่เวทีการเมืองแล้ว จะทำให้ค่าเฉลี่ยด้านคุณภาพของนักการเมืองไทยเราสูงขึ้นมามิใช่น้อย

อีกกลุ่มหนึ่งที่มีการเคลื่อนไหวและถือได้ว่าเป็นไปในทางบวกต่อการเมืองของเราก็คือการที่พรรคชาติพัฒนา โดย คุณ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ทางพรรคจะได้ คุณ กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า มาร่วมงานด้วย

จะร่วมแบบไหน? อย่างไร? โปรดติดตามต่อไป และคุณกรณ์จะชักชวนผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจด้านเศรษฐกิจคนใดมาร่วมบ้างก็ขอให้ติดตามต่อไปเช่นกัน

โดยตัวคุณกรณ์เองถือว่าเป็นบุคคลที่มีคุณภาพคนหนึ่ง เมื่อมาร่วมกับพรรคชาติพัฒนา ซึ่งเคยเป็นพรรคชั้นนำแต่หลังๆแผ่วลงไปเยอะ น่าจะทำให้เกิดเป็นพรรคใหม่ที่เข้มแข็งขึ้น

ครับ ก็เป็นตัวอย่างของความเคลื่อนไหวในทางบวกของการเมืองไทย ซึ่งเมื่ออ่านข่าวแล้วก็ทำให้มีความหวังขึ้นมาบ้าง ไม่เหมือนข่าวการทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายของพรรคใหญ่ 2 พรรคที่เป็นคู่กัดกันอยู่ขณะนี้

ยังจะมี “มืออาชีพ” ทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ หรือการบริหารจัดการ ท่านใดที่ซ่อนงำประกายอยู่ จะขันอาสาออกมาช่วยพัฒนาการเมืองไทย ให้เป็นที่หวังเป็นที่พึ่งของประชาชนมากกว่านี้ก็เชิญนะครับ

อนาคตข้างหน้าเป็นอนาคตที่น่าห่วงมาก...ต้องการบุคลากรคุณภาพมาช่วยในการบริหารประเทศชาติมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

พูดตรงๆก็คือ ค่าเฉลี่ยด้านคุณภาพของนักการเมืองไทยเรา ต้องสูงกว่าทุกวันนี้ครับ...ไม่งั้นจะยากมากในการดึงประเทศไทยให้หลุดพ้นกับดักจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปสู่ประเทศรายได้สูงขั้นต้นอย่างที่หลายๆฝ่ายต้องการ.

“ซูม”