“อุตตม” มั่นใจกลไกกองทุนสร้างอนาคตไทย จะเป็นเครื่องมือหลักเร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้ประชาชนอย่างครบวงจร พลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง เชื่อ นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.ย. 2565) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า จากที่พรรคสร้างอนาคตไทยเปิดกรอบยุทธศาสตร์ 5 แก้ไข 5 สร้าง เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมนำเสนอนโยบายการจัดตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย เพื่อเป็นกลไกหลักที่จะขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ วันนี้ขอขยายรายละเอียดนโยบายเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของกองทุน

สำหรับกองทุนสร้างอนาคตไทย จะเป็นเครื่องมือหลักในการเร่งรัดแก้ไขปัญหาสำคัญ 2 ข้อ คือ 1.เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และยังถูกซ้ำเติมจากวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน 2.เร่งวางรากฐานการพัฒนายกระดับเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวทันโลก ทั้งนี้ การแก้ปัญหาปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนคือการปลดเปลื้องภาระหนี้สินให้กับประชาชน ซึ่งวันนี้เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติและกำลังส่งผลกระทบทำให้กำลังซื้อประเทศชะลอตัวลง ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมทั้งรายย่อย หาบเร่แผงลอย จำเป็นต้องช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ หลังจากทุนรอนที่มีอยู่ร่อยหรอไปใน 2-3 ปีที่ผ่านมา พรรคสร้างอนาคตไทยเสนอว่าจะต้องดำเนินการเรื่องนี้พร้อมๆ กัน 3 ด้าน ดังนี้

1. การปรับโครงสร้างหนี้ จะต้องครอบคลุมหนี้ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ธุรกิจ หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ และต้องเข้าถึงผู้เดือดร้อนทุกกลุ่มในวงกว้าง จะทำให้การปรับโครงสร้างหนี้มีปริมาณมากพอที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

...

2. การแก้หนี้จะยั่งยืนได้ต้องเติมทุนใหม่เข้าไปช่วย เพื่อให้โอกาสคนล้มแล้วสามารถลุกขึ้นมาและก้าวต่อไปได้ และการเติมทุนจะรวมถึงในส่วนของกลุ่มผู้เป็นหนี้นอกระบบด้วย เพราะกลุ่มนอกระบบมีจำนวนมาก ที่ผ่านมากู้ในระบบสถาบันการเงินไม่ได้เนื่องจากไม่เคยมีประวัติกู้ยืมมาก่อน แต่กองทุนสามารถเข้าไปช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ให้กู้ได้ โดยใช้กลไกใหม่ที่แตกต่างไปจากกลไกปกติ

3. การเพิ่มทักษะประกอบอาชีพให้เข้มแข็งและมีรายได้มากพอที่จะรองรับการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะเดียวกันกองทุนจะมีระบบดูแลผู้ที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง และเงินจากกองทุนที่ใช้ไปก็จะมีประสิทธิภาพเกิดผลดีอย่างแท้จริง

“ก่อนหน้านี้ผมเคยเสนอความคิดเห็นว่า รัฐบาลควรประกาศให้การปลดเปลื้องภาระหนี้สินประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทำงานร่ามกันแบบบูรณาการ ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. เอสเอ็มอีแบงก์ บสย. รวมไปถึงกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งดูแลเกษตรกร และกระทรวงมหาดไทย ที่มีเครื่องมือเข้าถึงประชาชนทั่วประเทศ สุดท้ายต้องดึงองค์กรภาคเอกชนเข้าร่วมขับเคลื่อนด้วย ทั้งธนาคารพาณิชย์ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม เป็นต้น และเมื่อมีกลไกกองทุนเข้าไปเป็นเครื่องมือหลักขับเคลื่อนการแก้ปัญหาภาระหนี้สินประชาชนแล้ว การดำเนินงานก็จะสัมฤทธิ์ผลในที่สุด”

นายอุตตม พรรคสร้างอนาคตไทยมั่นใจว่า กลไกกองทุนจะสามารถแก้ปัญหาภาระหนี้ประชาชนได้อย่างครบวงจร ขณะเดียวกันก็สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง รองรับความท้าทายในอนาคต โดยเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ในกองทุนฯรวม 3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ใช้แก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชน 1 แสนล้านบาท ส่วนฟื้นฟูและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งก้าวทันโลกอีก 2 แสนล้านบาท

ในส่วนของที่มางบประมาณที่ใช้ตั้งกองทุน สามารถจัดสรรมาจากงบประมาณแผ่นดินปกติ ซึ่งในภาวะวิกฤติที่ประเทศกำลังประสบอยู่ รวมทั้งยังมีความท้าทายมากมายในอนาคต งบประมาณคือเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลที่จะใช้ในการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ ดังนั้น การจัดสรรงบประมาณจึงควรต้องปรับใหม่ให้สอดรับกับทิศทางประเทศที่กำลังเป็นไปอย่างแท้จริง ขณะที่การจัดสรรงบประมาณของรัฐ ปกติมีการจัดงบส่วนลงทุนอย่างน้อย 20% ของวงเงินทั้งหมดอยู่แล้ว โดยในปีงบประมาณ 2566 คิดเป็นวงเงินลงทุนราว 600,000 ล้านบาท เราจึงควรทบทวนการจัดงบประมาณของประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น การโยกงบลงทุนมาใช้เพื่อตั้งกองทุนแก้ไขปัญหาและสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจประเทศ วงเงิน 300,000 ล้านบาท จึงสามารถกระทำได้ ที่สำคัญการดำเนินการในลักษณะเช่นนี้จะไม่เป็นก่อภาระการกู้ยืมของประเทศเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม นายอุตตม ยังได้ทิ้งท้ายด้วยว่า พรรคสร้างอนาคตไทยมั่นใจว่านโยบายกองทุนที่กำหนดขึ้นนี้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและนำพาประเทศให้ออกจากวิกฤติ.